“แอตต้า” กระตุ้นเชื่อมั่นตลาดจีน ขนเอกชนท่องเที่ยวไทยโรดโชว์ 4 เมืองใหญ่

“แอตต้า” ขนเอกชนท่องเที่ยวไทยเดินสายโรดโชว์เมืองจีนดึงความเชื่อมั่น เจาะปูพรม 4 เมืองใหญ่ “เทียนจิน-ชิงเต่า-เหอเฟย์-หนานจิง” เผยแม้จะเป็นเมืองรอง แต่เป็นตลาดใหญ่ มีประชากรรวมกันกว่า 250 ล้านคน แถมรายได้สูง-มีเที่ยวบินบินตรงเข้าไทยจำนวนมาก คาดนักท่องเที่ยวจีนกลับสู่ภาวะปกติได้ในช่วงปลายปีนี้ มั่นใจตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนรวมทั้งปีอยู่ที่ราว 10-11 ล้านคน

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 16-21 กันยายนนี้ ทางสมาคมได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (โรดโชว์) Thailand Quality Tourism Road Show ที่ประเทศจีน ใน 4 เมืองใหญ่ของจีน ประกอบด้วย เทียนจิน, ชิงเต่า, เหอเฟย์ และหนานจิง โดยมีผู้ประกอบการ

ด้านการท่องเที่ยวของไทย ทั้งธุรกิจโรงแรม บริษัทนำเที่ยว บริการด้านการท่องเที่ยว สถานที่ช็อปปิ้ง สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ รวม 50 บริษัท จำนวน 90 ราย ไปร่วมกิจกรรมโรดโชว์ในครั้งนี้

เร่งเรียกคืนความเชื่อมั่น

โดยมีเป้าหมายเพื่อประชาสัมพันธ์และอัพเดตข้อมูลด้านการท่องเที่ยว รวมถึงโปรดักต์ใหม่ ๆ และบริการการท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองรอง ซึ่งจะเป็นการเปิดตลาดใหม่ ๆ และกระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนให้สนใจและกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเหมือนเดิม

“หลังจากเกิดเหตุเรื่องนักท่องเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวจีนบางส่วนได้ชะลอการเดินทาง ซึ่งจากข้อมูลของสมาคม พบว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนหายไปในสัดส่วนราว 20-30% ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัททัวร์ เราจึงต้องเร่งให้ข้อมูลและสร้างความมั่นใจเพื่อเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวให้กลับคืนมาโดยเร็ว” นายวิชิตกล่าว

4 เมืองประชากรกว่า 250 คน

นายวิชิตกล่าวว่า เหตุผลที่ทางสมาคมเลือกเมืองเทียนจิน, ชิงเต่า, เหอเฟย์ และหนานจิง ซึ่งเป็นเมืองรองของจีนนั้น เนื่องจากทั้ง 4 เมืองเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ มีประชากรรวมกันทั้งหมดกว่า 250 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่ประชากรมีกำลังซื้อ มีรายได้ต่อหัวที่ค่อนข้างสูง และยังเป็นเมืองที่มีเส้นทางการบินบินตรงเข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมากอีกด้วย

“เป้าหมายในการเดินทางไปโรดโชว์ในรอบนี้ เราต้องการไปให้ข้อมูลกับทั้งในส่วนที่เป็นบริษัททัวร์และกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไป เนื่องจากแนวโน้มพฤติกรรมการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน ปัจจุบันมีสัดส่วนระหว่างการเดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ และเดินทางด้วยตัวเองในอัตราใกล้เคียงกัน”

มุ่งขายท่องเที่ยว “คุณภาพ”

สำหรับการนำเสนอขายโปรดักต์ของประเทศไทยในครั้งนี้จะมุ่งเน้นขายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ไม่เน้นขายแพ็กเกจนำเที่ยวราคาถูกเพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวมา ทั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับรูปแบบการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพตามนโยบายของภาครัฐที่ต้องการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดการจับจ่ายต่อทริปให้มากขึ้น มากกว่าการตั้งเป้าเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ เหตุผลที่ทางสมาคมเลือกเดินทางไปจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (โรดโชว์) ที่ประเทศจีน ใน 4 เมืองใหญ่ของจีนในเดือนกันยายนนี้นั้น นายวิชิตกล่าวว่า สมาคมต้องการที่จะกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนเกิดการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีน หรือที่เรียกว่า โกลเด้นวีก รวมทั้งเกิดการเดินทางท่องเที่ยวต่อเนื่องในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ด้วย

มั่นใจปลายปีนี้สถานการณ์ปกติ

นายวิชิตกล่าวด้วยว่า ปกติแล้วเวลาเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะชะลอการเดินทางไปประมาณ 3 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาปกติที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ใช้สำหรับวางแผนการเดินทางล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนก็ชะลอการเดินทางมาไทยแล้วประมาณ 3 เดือน หลังจากที่เกิดเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเที่ยวเมืองไทยเป็นปกติแน่นอน และจะดีต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไปด้วย

“ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ถ้าเราเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่เยอะมาก แต่ถ้าเทียบกับเมื่อต้นปีจะพบว่าช่วงนี้นักท่องเที่ยวจีนหายไปเยอะ เพราะในช่วงต้นปีนักท่องเที่ยวจีนขยายตัวในอัตราที่สูงมาก”

คาดปีนี้จีนมาไทย 10-10.5 ล้าน

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรหนึ่งที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานั้น เกิดจากการปรับลดเที่ยวบินในรูปแบบเช่าเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลต์ของสายการบินบางส่วนหยุดให้บริการ ซึ่งเป็นเรื่องปกติอีกเช่นเคยที่เวลาสายการบินจะยกเลิกเที่ยวชาร์เตอร์ไฟลต์ก็จะยกเลิกเป็นเวลาประมาณ 3 เดือนคือ ช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน และกลับมาให้บริการเป็นปกติในช่วงตุลาคมเป็นต้นไป ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของการท่องเที่ยว

นายกสมาคมแอตต้ากล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สำหรับปี 2561 นี้ ทางสมาคมยังคาดการณ์ว่ายังมีโอกาสที่ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาในระดับ 10-10.5 ล้านคน จากเดิมที่คาดการณ์ว่าน่าจะถึง 11 ล้านคน และเชื่อว่าแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจนได้ในต้นปี 2562 นี้ และไม่เพียงเท่านี้ทางสมาคมยังมีแผนนำผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยไปโรดโชว์ต่อที่ประเทศญี่ปุ่นในเดือนตุลาคม ตามด้วยประเทศไต้หวันในเดือนพฤศจิกายนนี้

ชงใช้ Double Entry Visa

นายวิชิตกล่าวเสริมอีกว่า จากการเจรจากับกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวจีน พบว่า จีนอยากให้รัฐบาลไทยยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า (free visa) เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวจีนให้ตัดสินใจเดินทางได้ง่ายขึ้น แต่สมาคมมีแผนจะเตรียมเสนอรัฐบาลให้ใช้มาตรการ Double Entry Visa หรือขอวีซ่า 1 ครั้ง สามารถใช้เดินทางได้ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นมาตรการจูงใจให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาสู่ภาวะปกติโดยเร็ว และจูงใจให้ชาร์เตอร์ไฟลต์กลับมาทำการบินตามปกติด้วย


“จากการสอบถามบริษัทนำเที่ยวจีนพบว่า นักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ยังเชื่อมั่นในประเทศไทย หลังจากกลับจากโรดโชว์จีนรอบนี้ เราจะไปนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเลย เพื่อให้ประกาศใช้ได้ทันเดือนตุลาคม และมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในช่วงปลายปีต่อเนื่องไปถึงช่วงตรุษจีนปีหน้าด้วย ขณะเดียวกันยังมองว่ามาตรการดังกล่าวนี้จะมีผลดีต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วย เพราะเชื่อว่าหากครั้งแรกนักท่องเที่ยวเดินทางไปเมืองหลัก รอบที่ 2 จะเดินทางเข้าสู่เมืองรองมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มเอฟไอที” นายวิชิตกล่าว