กระทุ้งรัฐกู้วิกฤตทัวร์จีน รีเซตทั้งระบบ-หวั่นปีหน้าทรุดหนัก

เอกชนท่องเที่ยวไทยเร่งวางกรอบใหม่ทั้งระบบ กำหนดมาตรฐานความปลอดภัย-โปรแกรมทัวร์คุณภาพ หนุนภาพลักษณ์ของประเทศ-ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีน พร้อมเสนอรัฐบาลพิจารณามาตรการกระตุ้นด้านวีซ่า-ซับซิไดซ์ชาร์เตอร์ไฟลต์จีนให้กลับมาบินตามปกติแบบเร่งด่วนอีกรอบ 18 ตุลาคมนี้ หวังทำการตลาดทันช่วงปลายปี-ตรุษจีน ก่อนที่ปีหน้าไทยจะสูญเสียนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนแบบถาวร

นายสุรวัช อัครวรมาศ อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงลดลงต่อเนื่องต่อไปอีกในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้ หลังจากที่ยังคงปรับตัวลดลงกว่า 30% ในช่วงโกลเด้นวีก (1-7 ตุลาคม 2561) ที่ผ่านมา

สมาคมแอตต้าและกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยในหลายภาคส่วนจึงได้กำหนดมาตรฐานความปลอดภัยพื้นฐานในด้านการให้บริการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการฟื้นความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของประเทศในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนอย่างเร่งด่วน พร้อมเตรียมนำเสนอที่ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในวันที่ 18 ตุลาคมนี้

วางกรอบความปลอดภัย

โดยมาตรการด้านความปลอดภัยที่จัดทำขึ้นจะครอบคลุมการท่องเที่ยวทางรถและทางเรือ สำหรับรถนั้นได้กำหนดให้มีหน่วยตรวจสอบสภาพรถทุกคันก่อนนำมารับนักท่องเที่ยวที่สนามบิน รถทุกคนต้องมีเครื่องเป่าวัดระดับแอลกอฮอล์พนักงานขับรถ และกำหนดให้พนักงานขับรถทำงานได้ไม่เกิน 12 ชั่วโมงต่อวัน

“ในระยะยาวอาจต้องกำหนดอายุรถที่จะนำมาให้บริการนักท่องเที่ยวต้องไม่เกินกี่ปี ๆ พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐานราคาที่ชัดเจน เช่น รถอายุ 1-3 ปี ราคาเช่าต่อวันเท่าไหร่ รถอายุ 3-5 ปี ราคาเช่าต่อวันเท่าไหร่ เพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการให้เช่ารถลงทุนรถใหม่มากขึ้น เพราะราคาให้เช่าก็จะสูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกันการสื่อสารไปยังนักท่องเที่ยวก็จะมีความชัดเจนว่า หากนักท่องเที่ยวจ่ายในราคาสูงก็จะรับการบริการในมาตรฐานที่สูงเช่นกัน ซึ่งสุดท้ายนักท่องเที่ยวเองก็จะมีข้อมูลว่า มูลค่าที่ตัวเองจ่ายไปนั้นจะได้รับมาตรฐานบริการในระดับไหน อย่างไร” นายสุรวัชกล่าว

ส่วนความปลอดภัยทางเรือ กำหนดให้เรือต้องมีอุปกรณ์ครบและชัดเจนตามระเบียบการเดินเรือ พนักงานขับเรือต้องสามารถสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินได้ ภาครัฐต้องมีช่องทางสื่อสารประกาศเตือนภัยถึงเรือทุกลำที่ออกทะเล และท่าเรือที่ให้บริการขึ้น-ลงนักท่องเที่ยวทุกแห่งต้องมีมาตรฐาน

กำหนดมาตรฐานโปรแกรมทัวร์

นอกจากนี้ สมาคมแอตต้ายังได้กำหนดมาตรฐานโปรแกรมทัวร์ที่ชัดเจน ประกอบด้วย 1.กำหนดให้จัดโปรแกรมช็อปปิ้งได้ไม่เกิน 2 ด่าน 2.ออปชั่นทัวร์ขายได้ไม่เกิน 3,000 บาท หรือ 600 หยวน 3.กำหนดราคาอาหารที่ชัดเจนในโปรแกรมทัวร์ 4.โรงแรมที่ใช้บริการต้องจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย (โดยให้สมาคมโรงแรมเป็นผู้ดูแล) 5.ใช้มัคคุเทศก์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย 6.ต้องเป็นบริษัทที่เป็นคู่ค้ากับเว็บไซต์ของทางการท่องเที่ยวจีน และ 7.ให้ตรวจสอบการเสียภาษีของกลุ่มผู้ประกอบการ

วอนรัฐหนุนชาร์เตอร์ไฟลต์จีน

ขณะเดียวกัน สมาคมแอตต้าและกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวจะยังคงเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนมาตรการเร่งด่วนเพื่อดึงให้กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวเมืองไทยตามปกติโดยเร็ว ประกอบด้วย ขอให้พิจารณาเรื่อง double entry visa หรือทำวีซ่าครั้งเดียว ใช้เดินทางได้ 2 ครั้ง และสนับสนุนชาร์เตอร์ไฟลต์ของจีนให้ทำการบินเข้าประเทศไทย (subsidise) บางส่วน เพื่อให้นักท่องเที่ยวจีนได้เข้ามาจับจ่ายในประเทศไทย ซึ่งมีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ราว 40,000-50,000 บาทต่อคนต่อทริป รวมถึงส่งเสริมผู้ประกอบการคนไทยที่ดำเนินธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย ด้วยการสนับสนุนแหล่งเงินทุนเฉพาะกิจและช่วยเหลือด้านมาตรการภาษี

“ต้องยอมรับว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีท่องเที่ยวส่วนใหญ่ บางครั้งมีโอกาสรับกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่ 200-300 คน แต่เงินหมุนเวียนไม่เพียงพอ หากผู้ประกอบการสามารถนำสัญญาการทำธุรกิจกับคู่ค้ามาแสดงเพื่อกู้เงินหมุนเวียนระยะสั้นได้ จะช่วยให้เอสเอ็มอีมีศักยภาพในการแข่งขันได้มากขึ้น”

หวังทำตลาดทันปลายปี-ตรุษจีน

อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้า กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า มาตรการต่าง ๆ ที่นำเสนอไปนี้ อยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณาและประกาศใช้ภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการทั้งฝ่ายไทยและฝั่งจีนเริ่มทำการตลาดได้ทันเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมนี้ ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลดียาวไปถึงช่วงตรุษจีนปี 2562 ด้วย

“นักท่องเที่ยวจีนที่หายไปในช่วงที่ผ่านมาไม่ใช่กลุ่มที่ไม่มีความมั่นใจและไม่อยากมาเที่ยวเมืองไทยทั้งหมด ส่วนหนึ่งยังอยากมาเที่ยวไทยอยู่ แต่ไม่สะดวกในด้านการเดินทาง เพราะสายการบินชาร์เตอร์ไฟลต์หยุดให้บริการประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุด หากไทยยังไม่ทำอะไรเรียกคืนความเชื่อมั่นให้ชาร์เตอร์ไฟลต์กลับมาบินเหมือนเดิม ชาร์เตอร์ไฟลต์จีนจะมองหาตลาดใหม่เพื่อทดแทนตลาดไทย และจะทำให้เราสูญเสียตลาดในช่วงตรุษจีน และอาจเป็นการสูญเสียอย่างถาวรได้” นายสุรวัชกล่าว

“ทัวร์จีน” ยังลดลงต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากการมอนิเตอร์สถานการณ์อย่างต่อเนื่องพบว่า ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางในรูปแบบกรุ๊ปทัวร์ผ่านสมาคมแอตต้า (นักท่องเที่ยวที่มากับบริษัททัวร์ในพื้นที่กรุงเทพฯ) รวม 2.54 ล้านคน ลดลงเฉลี่ย 26.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 และพบว่าในช่วง 5 เดือนแรก (มกราคม-พฤษภาคม) มีแนวโน้มขยายตัวอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมกราคมขยายตัว 39.35% กุมภาพันธ์ 33.18% มีนาคม 15.09% เมษายน 17.50% และพฤษภาคม 2.31%

นายสุรวัชกล่าวว่า แต่นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นมา นักท่องเที่ยวจีนเริ่มปรับตัวลดลง เดือนมิถุนายนปรับตัวลดลง 2.04% กรกฎาคมซึ่งเกิดเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตลดลง 22.17% สิงหาคมลดลง 36.49% และกันยายนลดลง 39.19% และยังคงลดลงกว่า 30% ในช่วงโกลเด้นวีก (1-7 ตุลาคม 2561) และค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงลดลงต่อเนื่องต่อไปอีกในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมนี้

“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ สมาคมแอตต้าประเมินว่ามาจากหลายปัจจัย ทั้งภาวะเศรษฐกิจของจีนเอง ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของไทย หลังจากเกิดเหตุเรือนักท่องเที่ยวล่มที่ภูเก็ต โรคไข้เลือกออกระบาด การทำร้ายนักท่องเที่ยวจีนที่ดอนเมือง ซึ่งเรื่องความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยส่งผลกระทบหนักสุดในช่วงที่ผ่านมา” นายสุรวัชกล่าว