ผู้ว่าฯททท.ลงพื้นที่ทะเลอันดามัน วางกลยุทธ์ท่องเที่ยวแบบมีความรับผิดชอบ “ท่องเที่ยวธรรมชาติ จับมือกันเดิน”

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ได้นำคณะผู้บริหารประกอบด้วย รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. (นายธเนศวร์ เพชรสุวรรณ) ที่ปรึกษา 10 ททท. (นางสาวสมฤดี จิตรจง) ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคใต้ ททท. (นายนิธี สีแพร) ทีมพนักงานด้านสื่อสารการตลาดและตลาดในประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่และพังงา เพื่อประกาศและรณรงค์ถึงนโยบาย ททท. ในการส่งเสริมการท่องเที่ยวบนพื้นฐานความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) ซึ่งเป็นทรัพยากรทางการท่องเที่ยวที่สำคัญที่ทุกคนมีหน้าที่ต้องดูแล

โดยในปี 2562 นี้ ททท. จะดำเนินการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง หลังจากที่ได้เคยทำปฏิญญา “เที่ยวไทยเท่ ไม่สร้างขยะ ลดโลกเลอะ” ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยเป็นการตั้งเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้ลดลงร้อยละ 50 ภายในปี 2563 พร้อมๆ กับการมุ่งประชาสัมพันธ์ให้เกิดกระแส การท่องเที่ยวแบบรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ให้นักท่องเที่ยวและเจ้าของพื้นที่ได้ตระหนักรู้ถึงปัญหาขยะของแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดจากการทำกิจกรรมทางการท่องเที่ยว ซึ่ง ททท. พร้อมสนับสนุน แนะนำ ในการลดการสร้างขยะ หรือพลาสติกที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง (Single-use plastics) และการใช้วัสดุสำหรับทดแทนพลาสติก เช่น การใช้ถุงผ้า, ขวดน้ำพกพา, กล่องข้าวพกพา, หลอดดูดน้ำจากวัสดุธรรมชาติ การใช้ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น เพื่อเป็นการปรับพฤติกรรมการท่องเที่ยวไปพร้อมๆ กัน ในการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ททท. ได้พบกับภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวในจังหวัดกระบี่และพังงา ชุมชนท้องถิ่นของหมู่เกาะพีพี โดยได้พูดคุยถึงแนวคิดดังกล่าว ซึ่งได้รับการตอบรับและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ยังได้รับฟังความคิดเห็นและข้อมูลการจัดการการท่องเที่ยวของแต่ละภาคส่วน ซึ่งพบว่า มีแนวคิดในการจัดการท่องเที่ยวที่สอดคล้องกัน คือการรักษาสภาพแวดล้อมควบคู่กับการท่องเที่ยวที่ต้องเดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อให้การท่องเที่ยวสามารถเกื้อกูลธรรมชาติ สังคม เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ ผู้ว่าการ ททท. ยังได้รับทราบข้อขัดข้องของเดินทางท่องเที่ยวหลังจากทางกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีการประกาศปิดอ่าวมาหยาอย่างไม่มีกำหนด และการประกาศจำกัดนักท่องเที่ยวที่ไปยังหมู่เกาะสิมิลัน โดยได้สั่งการให้มีการประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ เพิ่มเติมจากส่วนที่ไม่อยู่ในบริเวณที่ประกาศ อาทิ ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา – หมู่เกาะพีพี ซึ่งมีพื้นที่ถึง 242,437.17 ไร่ จะเร่งประชาสัมพันธ์เกาะและหาดที่อยู่ใกล้เคียงอ่าวมาหยา เช่น อ่าวโละซามะ อ่าวโละปิเละ อ่าววังหลัง อ่าวนุ้ย อ่าวลิง อ่าวแหลมตม เกาะไม้ไผ่ เขาหงอนนาค ซึ่งสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ตามปกติ ในส่วนของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ที่มีการจำกัดนักท่องเที่ยวเพื่อให้มีความสมดุลกับความสามารถในการรองรับของอุทยานนั้น ททท. จะเพิ่มการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง ในกรณีที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเกินการรองรับ เช่น เกาะงวงช้าง ซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่เกาะสิมิลัน หรือเกาะทางเลือกอื่น เช่น หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะพระทอง ซึ่งมีธรรมชาติและกิจกรรมทางการท่องเที่ยวที่มีความใกล้เคียงกับหมู่เกาะสิมิลัน

นายยุทธศักดิ์กล่าวด้วยว่า สำหรับข้อกังวลของผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั้ง 2 พื้นที่นั้น ททท. จะนำข้อกังวลเหล่านั้น หารือกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางปฏิบัติที่ยอมรับซึ่งกันและกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบสิ่งแวดล้อมดังที่กล่าวมาข้างต้น คาดว่า จะสามารถหาจุดที่ลงตัวได้ในที่สุด