ทีเส็บชู 3 กลยุทธ์หนุนไมซ์ปี”62 ขับเคลื่อนศก.-สร้างรายได้ 2.2 แสนล้าน


“ทีเส็บ” กางแผนปี”62 ประกาศชู 3 กลยุทธ์หลักหนุนงานไมซ์ช่วยพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ตั้งเป้ามีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ 35.9 ล้านคน สร้างรายได้รวม 2.21 แสนล้าน หลังจากปี”61 ปิดตัวเลขไปที่ 34.26 ล้านคน ทำรายได้ 2.1 แสนล้าน เผยนักเดินทางธุรกิจชาวเอเชียครองส่วนแบ่งสูงถึง 85.77% “จีน-อินเดีย” ครอง 2 ตลาดใหญ่

นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บยังคงมุ่งสนับสนุนและส่งเสริมให้งานไมซ์เป็นตัวช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น รวมทั่งผลักดันใช้นวัตกรรมยกระดับความสามารถในการแข่งขันและยกระดับให้ประเทศไทยเป็นผู้นำด้านธุรกิจไมซ์ในเวทีโลกต่อไป โดยในปี 2562 นี้ได้กำหนดกลยุทธ์ของการดำเนินงานไว้ 3 ด้านหลัก

พัฒนา ศก.-กระจายรายได้

ประกอบด้วย 1.การสร้างรายได้และพัฒนาเศรษฐกิจ โดยมุ่งสร้างรายได้จากกิจกรรมไมซ์เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศ มีกลุ่มภูมิภาคเอเชียเป็นตลาดหลัก ยุโรป อเมริกา และโอเชียเนียเป็นตลาดรอง ให้การสนับสนุนและประมูลสิทธิ์การจัดงานซึ่งเน้นงานระดับชาติและภูมิภาค โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายรัฐบาล (S-cuve)

2.การพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรม โดยยังคงเน้นการสร้างมาตรฐานด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้การรับรองมาตรฐาน ISO และมาตรฐานสถานที่การจัดงาน หรือ Thailand MICE Venue Standard อย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาบุคลากรด้วยการจัดอบรมหลักสูตรไมซ์นานาชาติและการจัดการไมซ์อย่างยั่งยืน พร้อมสนับสนุนให้เกิดการจัดงานที่มีการนำดิจิทัลเข้าไปใช้ศึกษาการจัดตั้งศูนย์ one stop service ด้านไมซ์ และพัฒนาประสิทธิภาพต่าง ๆ ขององค์กรให้ทัดเทียมนานาชาติมากขึ้น

และ 3.การกระจายรายได้และความเจริญโดยจะทำการยกระดับการจัดงานในไมซ์ซิตี้ ส่งเสริมกิจกรรมการตลาดพร้อมโรดโชว์ในกลุ่มประเทศ CLMV/GMS และ SEZ ส่งเสริมการจัดงานไมซ์ในประเทศ สนับสนุนการประชุมและงานแสดงสินค้าในเมืองหลัก เมืองรอง พื้นที่ EEC และเมืองที่มีศักยภาพรองรับงานไมซ์ พร้อมจัดทำฐานข้อมูลอุตสาหกรรมไมซ์ 3 ภาค เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับการศึกษาหรือเกิดประโยชน์กับผู้ที่สนใจ

ปี”62 รายได้ไมซ์ 2.2 แสนล้าน

“ปัจจุบันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางธุรกิจไมซ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อและการเข้าถึงตลาด ASEAN และ CLMV ขณะเดียวกัน ยังมีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมไมซ์ระดับนานาชาติด้วย”

สำหรับเป้าหมายในปี 2562 นี้ทีเส็บตั้งเป้าว่าประเทศไทยจะมีนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งหมด 35.9 ล้านคน สร้างรายได้รวม 2.21 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1 แสนล้านบาท ตลาดในประเทศที่ 1.2 แสนล้านบาท

นายจิรุตถ์กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีงานไมซ์ไฮไลต์ทั้งในและต่างประเทศเข้ามาบ้างแล้ว อาทิ งานเทศกาลข้าวหอมมะลิโลก วันที่ 23-25 พฤศจิกายน 2561 จังหวัดร้อยเอ็ด งานมหกรรมเทคโนโลยีอีสาน 20-24 ธันวาคม 2561 จังหวัดนครราชสีมา งานแสดงสินค้าด้านพลังงานแห่งอนาคต Future Energy Asia 2018 วันที่ 12-14 ธันวาคม 2561 งานประชุม SITE Global Conference การประชุมของกลุ่มสมาชิกสมาคมด้านอินเซนทีฟ หรือการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล 11-13 มกราคม 2562 งานแสดงและสัมมนาเทคโนโลยีนวัตกรรมด้าน Pro-AV ระดับโลก 15-17 พฤษภาคม 2562 งานประชุมของกลุ่มธุรกิจงานแสดงสินค้า (เอ็กซิบิชั่น)รายการใหญ่ที่สุด หรือ 86th UFI Global Congress 2019 วันที่ 6-9 พฤศจิกายน 2562 เป็นต้น

ปี”61 มีกลุ่มไมซ์ 34.26 ล้านคน

สำหรับปี 2561 ที่ผ่านมาพบว่า มีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ทั้งจากต่างประเทศและในประเทศรวม 34.26 ล้านราย สร้างรายได้ให้ประเทศไทยรวม 2.12 แสนล้านบาท อันเป็นผลจากการสนับสนุนของรัฐบาลที่ต้องการให้ธุรกิจไมซ์เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ความพร้อมและมาตรฐานของสถานที่จัดงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์การประชุม ศูนย์แสดงสินค้า ทั้งในกรุงเทพฯและไมซ์ซิตี้อีก 4 แห่ง ตลอดจนความเป็นมืออาชีพของบุคลากรไมซ์ที่มีความสามารถและได้มาตรฐานมากขึ้น ทำให้นักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างชาติให้ความมั่นใจประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางของการจัดงาน ขณะเดียวกัน ภายในประเทศเองยังมีนโยบายส่งเสริมการประชุมในจังหวัดต่าง ๆ เพื่อสร้างการกระจายรายได้ และก่อให้เกิดความเข้มแข็งของภาคชุมชนด้วย

นายจิรุตถ์กล่าวว่า ปีที่ผ่านมาประเทศไทยได้ต้อนรับนักเดินทางกลุ่มไมซ์จากต่างประเทศทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 19.85 ก่อให้เกิดรายได้จากการใช้จ่าย 9.56 หมื่นล้านบาทขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 โดยกลุ่มหลักที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นนักเดินทางธุรกิจชาวเอเชีย คิดเป็นร้อยละ 85.77 ของจำนวนนักเดินทางทั้งหมด

“จีน-อินเดีย” 2 ตลาดใหญ่

โดย 10 อันดับของประเทศที่เดินทางเข้ามา คือ จีน 2.14 แสนราย อินเดีย 1.52 แสนราย มาเลเซีย 1.46 แสนราย สิงคโปร์ 8.42 หมื่นราย เกาหลี 7.11 หมื่นราย เวียดนาม 5.53 หมื่นราย สปป.ลาว 5.51 หมื่นราย ญี่ปุ่น 5.13 หมื่นรายอินโดนีเซีย 5.13 หมื่นราย และฟิลิปปินส์ 4.23 หมื่นราย ขณะเดียวกัน ยังมีจำนวนนักเดินทางกลุ่มไมซ์จาก 5 ประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าสนใจ

และมีอัตราการเติบโตสูงสุดเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ได้แก่ แคนาดา เติบโตร้อยละ 309.97% กัมพูชา เติบโตร้อยละ 182.25% เมียนมา เติบโตร้อยละ 137.32% เวียดนาม เติบโตร้อยละ 109.26% และนิวซีแลนด์ เติบโตร้อยละ78.92% ขณะที่กลุ่ม CLMV กำลังเกิดการขยายตัวและมีการเดินทางด้านธุรกิจระหว่างประเทศเพิ่มมากขึ้น

ส่วนนักเดินทางกลุ่มไมซ์ในประเทศมี 33.01 ล้านราย ก่อให้เกิดรายได้ในระบบเศรษฐกิจ 1.17 แสนล้านบาท โดยในแง่ของรายได้มีการเติบโต 28.89% เป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยอันเกิดมาจากการขยายตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยวในระดับสูง รวมทั้งนโยบายส่งเสริมจากภาครัฐในการออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวและอบรมสัมมนาใน 55 เมืองรอง ให้สามารถลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายจากการจัดประชุมสัมมนาได้ 100%