ปลุกท่องเที่ยวจีน-อาเซียน ดันรายได้ปีหน้าโตตามแผน

ผู้ว่า ททท. ฟันธงรายได้ท่องเที่ยวไทยทะลุเป้า 3 ล้านล้านบาท หลังมาตรการกระตุ้นไฮซีซั่น สั่ง 5 สำนักงานในจีน 8 สำนักงานอาเซียนปั้นตัวเลขนักเที่ยวโค้งท้ายเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน เดินหน้าเจาะตลาดบนรักษาโมเมนตัมโต 10-12% ถึงปีหน้า

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า หลังจากที่รัฐบาลได้ทยอยออกมาตรการและแพ็กเกจเพื่อกระตุ้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศในภาพรวมมาเป็นระยะ ๆ ทั้งเรื่องการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ visa on arrival การกำหนดให้ใช้ double entry visa หรือขอวีซ่า 1 ครั้งใช้ได้ 2 ครั้ง รวมถึง

แพ็กเกจกระตุ้นการจับจ่ายอื่น ๆ ที่ออกมาสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไฮซีซั่นนี้ ทำให้คาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ราว 38 ล้านคน และมีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวทั้งหมดรวมที่ 3.02 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ 3 ล้านล้านบาทเล็กน้อย แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 2.02 ล้านล้านบาท และในประเทศ 1 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม สำหรับในช่วง 2 เดือนสุดท้ายนี้ (15 พ.ย. 2561-13 ม.ค. 2562) ททท.ในฐานะหน่วยงานทำการตลาดก็ได้เร่งเดินหน้าทำการตลาดอย่างหนัก โดยเฉพาะตลาดใหญ่ ๆ ที่เป็นตลาดระยะใกล้ เช่น จีนและประเทศในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งที่ผ่านมาได้สั่งการให้สำนักงาน ททท.ทั้ง 5 แห่งในจีนประเมินสถานการณ์นักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ส่วนด้านการตลาดก็ได้สั่งให้ 5 สำนักงานในจีน และอีก 8 แห่งในกลุ่มประเทศอาเซียนทำการตลาดเพื่อดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาให้ได้อีกไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน เพื่อเสริมตัวเลขรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย

“จากการประเมินสถานการณ์ล่าสุด ททท.มั่นใจว่าช่วง 2 เดือนที่เหลือนี้ตัวเลขทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยน่าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ โดยในส่วนของตลาดจีนนั้นคาดว่าตัวเลขน่าจะอยู่ที่ 10.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มี 9.8 ล้านคน ตลาดโซนอื่น ๆ ก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดในโซนยุโรป สแกนดิเนเวีย”

นายยุทธศักดิ์ย้ำว่า มาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมา รวมถึงแผนงานด้านการตลาดของ ททท. ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้

เท่านั้น แต่ยังมองไปถึงการเตรียมความพร้อมสำหรับวางรากฐานที่ดีสำหรับปี 2562 อีกด้วย

นอกจากนี้เพื่อสร้างการเติบโตด้านรายได้ที่ชัดเจนขึ้น ททท.จึงต้องมุ่งเน้นทำการตลาดเซ็กเมนต์ให้หนักมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดระดับบนที่มีอัตราการใช้จ่ายต่อหัวสูง และเป็นกลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลก

นายยุทธศักดิ์ยังระบุด้วยว่า ขณะเดียวกัน ททท.ก็ต้องเน้นการบริหารความเสี่ยงด้วยการเร่งเครื่องตลาดเที่ยวในประเทศ หรือไทยเที่ยวไทยให้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด รวมทั้งเพิ่มน้ำหนักการทำตลาดประเทศในอาเซียน รวมถึงตลาดเอเชียตะวันออกที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก อาทิ จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น ฯลฯ เพื่อให้เข้ามาเติมได้มากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

“เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ททท.ได้ทำแผนสำหรับปี 2562 ไปเรียบร้อยแล้ว โดยตั้งเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวไว้ที่ประมาณ 40 ล้านคน และมีอัตราการเติบโตด้านรายได้ที่ 12% แม้สถานการณ์แวดล้อมวันนี้จะเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก แต่เรายังคงคาดว่าการจะสามารถดันการเติบโตด้านรายได้ให้อยู่ในระดับ 10-12% ตามแผนเดิม ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวรวมนั้นอาจไม่ขยายตัวมากนัก” นายยุทธศักดิ์กล่าว

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า สำหรับฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะถึงนี้ ได้มีการเตรียมความพร้อมไว้รองรับ 2 ส่วน ได้แก่ ด้านการอำนวยความสะดวก และด้านปลอดภัยของนักท่องเที่ยว โดยมาตรการอำนวยความสะดวกนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง

(ตม.) แจ้งว่า หลังจากฟรี visa on arrival มีผลได้ 1 วัน มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าเมืองผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มขึ้น 20% และ ตม.ได้อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวด้วยการเปิดช่องตรวจคนเข้าเมืองเพิ่ม 3 ช่องทาง

ด้านบริษัท การท่าอากาศยานประเทศไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) แจ้งว่า ได้เตรียมการพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงได้จัดเตรียมเจ้าหน้าที่แอร์พอร์ตซัพพอร์ต เพื่อให้ความช่วยเหลือและติดตามดูแลตลอดทั้งวัน ด้านสลอตการบิน แม้จะไม่สามารถเพิ่มได้มากนัก แต่จำนวนผู้โดยสารต่อเที่ยวบิน

มีโอกาสจะเพิ่มขึ้นจาก 75-80% เป็น 90-100%

ด้านความปลอดภัย ภาคเอกชนได้เริ่มวางมาตรการทั้งด้านการดูแลความปลอดภัยทางน้ำ ทางบก และสุขอนามัยของนักท่องเที่ยวแล้ว อาทิ การจัดโปรแกรมการท่องเที่ยวที่หลีกเลี่ยงการลงน้ำในเวลาที่ร่างกายนักท่องเที่ยวไม่พร้อม หรือการแจ้งเตือนมาตรการความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวตั้งแต่มาถึง

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวอีกหลายมาตรการ อาทิ การจัดงาน Amazing Thailand Grand Sale Passport Privillage จับมือภาครัฐและสมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมกระตุ้นการ

ใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งประกอบด้วยการเพิ่มส่วนลด การจัด Sale Promotion และการจัด Shopping Event

โดยเป็นการออกแบบโปรแกรมบริการพิเศษที่เป็นการให้สิทธิประโยชน์แก่นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เพียงแสดงหนังสือเดินทางเพื่อรับสิทธิ์ส่วนลด ของที่ระลึก จากศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลอดอากร สถานพยาบาล สปาคาดว่าโครงการนี้จะช่วยดึงนักท่องเที่ยวเข้ามาได้ 5 แสนคนและกระตุ้นการใช้จ่ายได้กว่า 2.5 หมื่นล้านบาท

หากประสบควสามสำเร็จมีโอกาสที่จะขยายโครงการออกไปอีก ขณะนี้คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการของ 3 มาตรการวีซ่า ได้แก่ มาตรการ Re-entry Visa เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางออกไปประเทศเพื่อนบ้านและเดินทางกลับมาในระยะสั้นได้ มาตรการ Double Entry Visa เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางกลับเข้ามาอีกครั้งได้ภายใน 6 เดือน และมาตรการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวที่ไม่ต้องใช้วีซ่าเข้าไทยสามารถเดินทางทางบกได้มากกว่า 2 ครั้งต่อปี ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะขยับเอามาตรการ Double Entry Visa มาใช้หลังต่อหลังมาตรการฟรี Visa on arrival เพื่อระยะแคมเปญต่อไป