
ได้รับเลือกตั้งนั่งแท่นตำแหน่งประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) คนใหม่ล่าสุดไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำหรับ “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” เจ้าของร้านอาหารตำนานป่า และตำนานป่ารีสอร์ท จังหวัดระยอง
โดยได้รับแรงสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากตัวแทนเขตทั่วประเทศและตัวแทนสาขาอาชีพทุกแขนง
“ประชาชาติธุรกิจ” มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ “ชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร” ในฐานะประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท. ถึงแนวคิดและทิศทางในการเข้ามาบริหารงานในครั้งนี้ไว้ดังนี้
“ชัยรัตน์” ได้เริ่มต้นให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายเร่งด่วนที่ตนและคณะกรรมการ สทท.ชุดใหม่ต้องเร่งดำเนินการ คือ ทำงานร่วมกับทางภาครัฐและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งฟื้นความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวกลับมาสู่สภาพปกติโดยเร็วหลังจากที่เกิดภาวะชะลอตัวมา 3-4 เดือนแล้ว โดยเฉพาะตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่เมื่อนักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางทำให้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเป็นวงกว้างโดยหลังจากนี้ได้เตรียมเรียกประชุมคณะกรรมการชุดใหม่ในวันที่ 28 พฤศจิกายนนี้ เพื่อหารือ วางกฎกติกาแนวทางการทำงาน และการแก้ปัญหาที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวโดยรวมกำลังประสบอยู่ให้เกิดความชัดเจนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่น ในด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย พร้อมทั้งจะทำการมอบหมายหน้าที่ให้คณะกรรมการแต่ละท่านไปดำเนินงานโดยเร็ว
“ชัยรัตน์” บอกว่า ที่ผ่านมาภาครัฐได้ออกมาตรการต่าง ๆ ออกมาช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวมไปแล้วทั้งการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าหน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือ visa on arrival การประกาศใช้ double entry visa หรือการขอวีซ่าครั้งเดียวแต่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เดินทางได้ 2 ครั้ง รวมถึงแพ็กเกจด้านการช็อปปิ้งต่าง ๆ อีกจำนวนมาก ฉะนั้นสทท.เองในฐานะผู้ประกอบการฟากเอกชนก็ต้องรีบทำงานให้สอดรับกับนโยบายของรัฐที่ออกมา เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวด้วยว่าประเทศไทยมีความปลอดภัย
พร้อมทั้งต้องมีการกำหนดใช้มาตรฐานความปลอดภัย และมาตรฐานด้านการท่องเที่ยวในทุกด้านที่มีกำหนดอยู่ในระเบียบข้อบังคับของรัฐอยู่แล้วอย่างเคร่งครัดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มาตรฐานการท่องเที่ยวของไทยอยู่ในระดับเดียวกับมาตรฐานสากล
“เวลานี้ทุกฝ่ายต้องทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง เมื่อรัฐทำนำร่องไปแล้วผู้ประกอบการก็ต้องรับรู้และทำจริงด้วย ที่ผ่านมาเราอาจไม่ได้หยิบข้อบังคับที่มีอยู่แล้วมาใช้ทั้งหมด แต่ต่อไปปัญหาต่าง ๆ ต้องไม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งในบางเรื่องบางประเด็นสทท.อาจต้องเข้าไปมีบทบาทให้มากขึ้นโดยเฉพาะในเรื่องการกลั่นกรองผู้ประกอบการ หรือสถานประกอบการที่จะเข้าสู่ตลาด”
“ชัยรัตน์” ยังบอกอีกว่า ส่วนนโยบายอื่น ๆ นั้นสิ่งไหนที่ทางคณะกรรมการชุดเดิมทำไว้ดีแล้วทางคณะกรรมการชุดใหม่ก็พร้อมเดินหน้าสานต่อ ถ้าสิ่งไหนที่มองว่าเป็นปัญหาหรือที่ผ่านมางานไม่คืบหน้าก็ต้องตั้งทีมใหม่เข้ามาบริหาร เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศพร้อมย้ำด้วยว่า สทท.ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือของกลุ่มบุคคลใด เป็นองค์กรที่มีกฎหมายรองรับ ที่สำคัญ สทท.ควรจะมีบทบาทมากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ เพราะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวถือเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ช่วยขับเคลื่อนตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น การบริหารต้องเอาคนที่มีความรู้ คนเก่ง คนที่มีความสามารถเข้ามาบริหาร
“ผมเองไม่ใช่คนเก่ง แต่ผมมีทีมงานที่เก่ง มีความรู้ มีความสามารถที่จะเข้ามาร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารสภา ให้เดินหน้าได้ และแน่นอนว่าจากนี้ไปเราจะเห็นโครงการใหม่ ๆ สิ่งใหม่ ๆ ที่ผลักดันโดยสทท.มากขึ้น ส่วนกฎระเบียบ ข้อบังคับบางส่วนที่เป็นข้อจำกัดในการทำงานก็อาจต้องถูกแก้ไขปรับปรุงบ้างเพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์ในยุคปัจจุบัน”
ประธาน สทท.คนใหม่ให้สัมภาษณ์ยังทิ้งท้ายด้วยว่า นอกจากต้องผนึกกำลังกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวแล้ว สิ่งสำคัญที่อยากฝากถึงกลุ่มผู้ประกอบการไทย คือ ต้องปรับตัวให้ทันกับสถานการณ์การท่องเที่ยวและความต้องการของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วด้วย ส่วน สทท.จะเป็นตัวแทนในการส่งเสริมพัฒนา แก้ปัญหา ยกระดับมาตรฐานบริการท่องเที่ยว และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศต่อไป