“ออนิกซ์” เร่งขยายทั่วโลก คาดปี”67 มีโรงแรม 99 แห่ง
นายชาร์ลส์ ยัปส์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายสื่อสาร ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทด้านการบริหารจัดการโรงแรมที่โตเร็วที่สุดในเอเชีย และมีเป้าหมายจะเป็นบริษัทขนาดกลางด้านการบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยได้เตรียมพร้อมที่จะขยายเครือข่ายจาก 50 แห่งในปัจจุบันให้เป็น 99 แห่งภายในปี 2567 พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการในระยะยาวด้วย
โดยในปี 2562 นี้ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป จะมีไฮไลต์เป็นโครงการที่เปิดให้บริการเป็นครั้งแรกในออสเตรเลีย ภายใต้ชื่อ ชามา ลักซ์ ออโรร่า เมลเบิร์น เซ็นทรัล และจะขยายเครือข่ายแบรนด์โอโซ่เป็น 2 เท่า จาก 4 แห่ง เป็น 8 แห่ง โดยมีกำหนดเปิดให้บริการที่ภูเก็ต, ปีนัง, ยะโฮร์บาห์รู ตามด้วยการเปิดโอโซ่ พัทยา ในช่วงต้นปี 2563 นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างเตรียมปูทางที่จะเปิดให้บริการเครือข่ายโรงแรมอมารีแห่งใหม่ในหลายเมืองในภูมิภาคเอเชีย อาทิ โคลัมโบ ศรีลังกา, ปีนัง และกัวลาลัมเปอร์
“ที่ผ่านมาออนิกซ์มีเครือข่ายที่เปิดบริการเพิ่ม 6 แห่ง ได้แก่ ไทย, สปป.ลาว, ศรีลังกา, ฮ่องกง และจีน โดยที่ไทยได้เปิดบริการ ชามา เลควิว อโศก กรุงเทพฯ จำนวน 429 ห้อง ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา นอกจากนั้น ใน 3 ปีที่ผ่านมาออนิกซ์ยังได้ปรับโฉมโรงแรมใหม่เพื่อให้เข้ากับเทรนด์และความต้องการของลูกค้าได้แก่ อมารี ภูเก็ต, อมารี วอเตอร์เกต แบงคอก, อมารี เกาะสมุย และที่กำลังอยู่ระหว่างรีโนเวตคือ อมารี พัทยาซึ่งจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งได้ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า”
นายชาร์ลส์กล่าวต่อไปอีกว่า ใน 9 เดือนที่ผ่านมา รายได้จากค่าห้องของออนิกซ์กรุ๊ปทั่วโลกเติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนในไทยเติบโตขึ้น 3% โดยคาดการณ์ว่าออนิกซ์จะสามารถจบปีนี้ด้วยรายได้ที่เติบโตขึ้น 10-15% ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายเครือข่ายไปในต่างประเทศและการเซ็นสัญญารับบริหารโครงการใหม่
สำหรับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงนั้น นายชาร์ลส์กล่าวว่า ออนิกซ์ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนไม่ใช่นักท่องเที่ยวหลักของโรงแรม ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เป็นลูกค้าของกลุ่มออนิกซ์ก็ยังคงมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายชาร์ลส์กล่าวว่า ยังเชื่อมั่นว่าหากประเทศไทยยังคงมีเสถียรภาพ ภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยจะต้องส่งผลในเชิงบวก ได้รับความนิยมต่อเนื่อง และเป็นโอกาสสำหรับอุตสาหกรรมโรงแรมในประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาค เนื่องด้วย ททท.ยังคงมุ่งทำตลาดในเชิงรุกและผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวมากขึ้นผ่านกิจกรรมต่าง ๆ
ขณะเดียวกัน กรุงเทพฯยังคงติดอันดับเมืองเพื่อการท่องเที่ยวที่ดีที่สุด ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 จากเวที บิสซิเนส ทราเวลเลอร์ เอเชีย-แปซิฟิก อวอร์ดส์ และครองตำแหน่งอันดับ 1 สุดยอดเมืองจุดหมายปลายทางโลกจากการสำรวจของมาสเตอร์การ์ดด้วย
