“นิตินัย” ต่อจิ๊กซอว์วาระ 2 มุ่งเพิ่มรายได้-กระจายความเสี่ยง

“นิตินัย ศิริสมรรถการ” เข้ามารับตำแหน่ง “กรรมการผู้อำนวยการใหญ่” บริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด หรือ ทอท. ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2558 และมีกำหนดครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 20 เมษายน 2562 (วาระ 4 ปี) 

ล่าสุด “นิตินัย” ได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.ต่ออีกหนึ่งวาระคือ ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2562-19 เมษายน 2566 (วาระ 4 ปี)

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์ “นิตินัย ศิริสมรรถการ” ถึงแนวทางการบริหารจัดการองค์กร ทอท. ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รวมถึงแผนงานที่กำลังจะเดินในอนาคตอีก 4 ปีข้างหน้า ในช่วง

วาระที่ 2 ของการบริหารในตำแหน่ง “กรรมการผู้อำนวยการใหญ่” ไว้ดังนี้

“นิตินัย” บอกว่า ก่อนที่เขาจะมานั่งบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่วาระแรกนั้น เขาได้เข้ามาทำงานที่ ทอท.ไปครั้งหนึ่งแล้วในตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด ในช่วงต้นปี 2553 และอยู่ในตำแหน่งนี้ประมาณเกือบ 2 ปี

หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานในตำแหน่ง “กรรมการผู้อำนวยการใหญ่” อีกครั้งเดือนเมษายน 2558 ซึ่งเข้ามาบริหารต่อจาก “นิรันดร์ ธีรนาทสิน” ที่รักษาการผู้อำนวยการใหญ่อยู่ในขณะนั้น และล่าสุดได้ต่ออีกวาระ หรือสิ้นสุดเดือนเมษายน 2566

“นิตินัย” มองว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จในช่วง 4 ปีที่ผ่านมามี 2 ส่วน ซึ่งมาจากทั้งภายนอกและภายในองค์กร โดยปัจจัยจากภายนอกองค์กรมาจากสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการทำงาน เนื่องจากบ้านเมืองสงบ มีเสถียรภาพทางการเมืองสูง สามารถบริหารจัดการตามที่วางแผนไว้ ทุกอย่างจึงเป็นไปได้ง่าย

นอกจากนั้น รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวโดยตลอดทำให้การท่องเที่ยวเติบโตต่อเนื่องส่งผลเป็นบวกให้อุตสาหกรรมการบินเติบโตตาม

อีกส่วนคือ ปัจจัยภายในซึ่งเป็นเรื่องของ “คน” โดยในองค์กรมีบุคลากรที่มีความสามารถมากมายที่พร้อมจะขับเคลื่อน

องค์กรไปข้างหน้า และถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่ช่วงเริ่มต้นบริหารงานในวาระแรกมีผู้บริหารระดับสูงหลายท่านได้ถ่ายทอดความรู้ให้กับคนรุ่นใหม่ขององค์กรก่อนจะรีไทร์ออกไปพักผ่อน ทำให้องค์กรสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างแข็งแกร่งแม้มีการเปลี่ยนแปลง พร้อมทั้งย้ำว่า หากปราศจากทั้ง 2 ปัจจัยที่เกิดขึ้นพร้อมกันนี้ การบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย

“ในยุคที่ผมเข้ามาทำงานถือว่าเป็นยุคที่การเมืองเข้ามายุ่งน้อยที่สุดแล้ว ทำให้สามารถบริหารงานได้ตามแผน แต่ก็มีเรื่องให้หนักใจหลาย ๆ เรื่อง ดีที่ได้มีโอกาสเข้ามาเรียนรู้งานและคนไปรอบหนึ่งแล้วเมื่อครั้งเข้ามาทำงานเป็นรองผู้อำนวยการใหญ่สายงานพัฒนาธุรกิจและการตลาด แต่เมื่อเห็นตัวเลขที่ออกมาดีเราก็จะมีความสุข เพราะเราเป็นนักเศรษฐศาสตร์และชอบตัวเลข”

ถามว่าอะไรคือสิ่งที่ทำแล้วภาคภูมิใจมากที่สุดในวาระการทำงานในช่วง 4 ปีแรกที่ผ่านมา “นิตินัย” บอกว่า ถ้ามองในมุมตัวเลขก็จะเห็นว่ารายได้ และกำไรของ ทอท.ปรับเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งจุดนี้เขาได้เข้ามาเปลี่ยนแนวคิดและวีธีการจัดการไปเยอะพอสมควร ซึ่งก็ต้องบอกว่าที่ทำได้นั้นก็เพราะว่าบอร์ดและรัฐบาลให้โอกาสได้เข้ามาทำงานมากกว่า แต่สิ่งที่ภาคภูมิใจมากที่สุดคือการที่ ทอท.ดึงธุรกิจขนส่งทางอากาศ หรือคาร์โก้ มาบริหารเอง และทำให้มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น และอยู่ในอันดับที่ 19 ของโลกแล้วในขณะนี้ และคาดว่าในอีก 2-3 ปีข้างหน้าเราน่าจะติดอันดับท็อป 10 ได้ไม่ยาก

นอกจากนี้ น่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนา digital platform เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการอำนวยความสะดวกและบริหารผู้ใช้บริการท่าอากาศยานในความดูแลของ ทอท.ทั้งหมด อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเชิงธุรกิจ

และอีกส่วนหนึ่งที่ส่วนตัวมองว่า ภูมิใจไม่แพ้กันที่สามารถผลักดันได้สำเร็จคือ ศูนย์ certify hub ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ สำหรับเป็นศูนย์ตรวจสอบและรับรองคุณภาพสินค้าก่อนส่งออกไปยังประเทศปลายทางให้ได้มาตรฐานสากล

“นิตินัย” ยังได้พูดถึงแผนการทำงานในวาระที่ 2 ของเขาว่า เนื่องจากการตัดสินใจของตนในวันนี้จะส่งผลถึงองค์กรในอีก 6-7 ปีข้างหน้า ทำให้ต้องละเอียดรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง โดยแผนงานในวาระที่ 2 นั้นประกอบด้วยหลายส่วน ทั้งส่วนของการขยายท่าอากาศยานตามแผน รวมถึงการวางผังท่าอากาศยานให้เป็นฮับและเกตเวย์ก็จะยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง พร้อมทั้งเตรียมใช้ประโยชน์จากที่ดินที่มีอยู่ ทั้งในส่วนของ ทอท.723 ไร่ และส่วนของกรมธนารักษ์ที่จะมีการเซ็นเอ็มโอยูเพื่อให้สามารถใช้ในเชิงพาณิชย์ได้มากขึ้น อาทิ การก่อสร้างแอร์พอร์ตซิตี้ (airport city) เพิ่มเติม เป็นต้น

นอกจากนั้น ทอท.ยังวางแผนที่จะเป็นศูนย์ตรวจสอบสินค้าก่อนนำเข้ายุโรป (certify hub) ให้กับสินค้าทางการเกษตรของไทย เพื่อลดปัญหาการตีกลับและต้นทุนการจัดส่งสินค้าสูงที่เกษตรกรไทยต้องแบกรับมาโดยตลอด ซึ่งเป็นโครงการที่ ทอท.มีความตั้งใจว่าจะมอบสิ่งดี ๆ กลับสู่สังคม

ขณะเดียวกัน ยังเตรียมขยายธุรกิจในเชิงกายภาพด้วยการสร้าง “ดิจิทัลแพลตฟอร์ม” หรือ “แอปพลิเคชั่น” ในโลกออนไลน์ เพื่อเชื่อมต่อการใช้บริการในสนามบินให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งแอปพลิเคชั่นดังกล่าวจะรวบรวมทั้งระบบลานจอดรถ ระบบรับกระเป๋า การสะสมแต้ม ทอท. การจองโรงแรมและขนส่งสนามบินปลายทาง ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้งานได้ในเดือนเมษายน 2562 ที่จะถึงนี้

พร้อมทั้งหวังว่าแผนการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการนี้ จะช่วยเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจการบินได้มากขึ้นต่อไปตามแผนยุทธศาสตร์ใหญ่

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
.
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!