ทอท.ปั๊มรายได้พื้นที่เชิงพาณิชย์ จ่อชงแผนพัฒนาแม่บท 20 ก.ย.

“ทอท.” ปูพรมปี”61 เป็นปีแห่งแผนเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว พร้อมดันแผนแม่บทพัฒนาโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ เข้าที่ประชุมบอร์ด 20 ก.ย.นี้ หลังทุ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสนามบิน ทั้งสุวรรณภูมิ-ดอนเมืองไปแล้ว

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.ในวันที่ 20 กันยายนนี้ จะมีการพิจารณากรอบแผนแม่บทการพัฒนาโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ของ ทอท.อย่างเต็มตัว หลังจากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้จัดทำแผนแม่บทเชิงลงทุนพัฒนาและขยายโครงสร้างพื้นฐานของสนามบิน อาทิ สุวรรณภูมิและดอนเมืองไปแล้วโดยตลอดปีงบประมาณ 2561 (1 ตุลาคม 2560-30 กันยายน 2561) ของ ทอท. เป็นปีแห่งแผนเชิงพาณิชย์และพัฒนาระบบไอทีอย่างเต็มตัว โดยตั้งเป้าเติบโตจากพื้นที่เชิงพาณิชย์ ทั้งแบบลงทุนเอง และเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนแบบ PPP

ทั้งนี้ ทอท.มั่นใจว่าปีงบฯ 2560 จะมียอดผู้โดยสารเข้ามาใช้บริการใน 6 สนามบินของ ทอท. เติบโต 7-8% ตามเป้าหมาย หลังจากงวด 9 เดือนแรก (ตุลาคม 2559-มิถุนายน 2560) เพิ่มขึ้น 7.4% ซึ่งในจำนวนนี้เป็นผู้โดยสารเส้นทางบินระหว่างประเทศเติบโตกว่า 10% สูงกว่าปกติที่เติบโตไปในทิศทางเดียวกับภาพรวม หลังจากช่วงตุลาคม-พฤศจิกายน 2559 ได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ผิดกฎหมาย ทำให้จำนวนผู้โดยสารชะลอการเติบโตไปบ้าง

นายนิตินัยกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมบอร์ด ทอท. เมื่อ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ได้มีมติให้ว่าจ้าง PCS Joint Venture ซึ่งประกอบด้วย บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า สเตท คอนสตรัคชั่น เอนยิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้รับจ้างงานก่อสร้างอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (ชั้น 2-4) และส่วนต่อเชื่อมอุโมงค์ด้านทิศใต้ (งานระบบย่อย) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ปีงบประมาณ 2554-2560) เป็นเงินทั้งสิ้น 1.42 หมื่นล้านบาท

การก่อสร้างจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2562 และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2563

นอกจาก นี้ บอร์ด ทอท.ได้พิจารณาอนุมัติให้บริษัท คิง เพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ได้รับสิทธิในการประกอบกิจการโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง โดยเสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนเป็นเงินจำนวน 17.65 ล้านบาท

และ จากการเจรจาต่อรอง บริษัท คิง เพาเวอร์ฯ ยินดีเพิ่มค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้อีกเดือนละ 31,280 บาท รวมเป็นค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือนปีแรก เดือนละ 17.682 ล้านบาท โดยมีอายุสัญญา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ ทอท.ส่งมอบพื้นที่ และ ทอท.จะเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนรายเดือนจากการประกอบกิจการโครงการ ในอัตรา 15% ของยอดรายได้ก่อนหักค่าใช้จ่าย หรือตามจำนวนเงินค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายเดือน แล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า