“ดิเอราวัณ”มุ่งลงทุนโรงแรมระดับกลาง-บัดเจต

แฟ้มภาพ
“ดิ เอราวัณ” เดินหน้าขยายการลงทุนโรงแรมในกลุ่ม “มิดสเกล-อีโคโนมี-บัดเจต” ตามเทรนด์การเติบโตของนักท่องเที่ยว เผยปีนี้เตรียมลงทุนอีกกว่า 3 พันล้านบาท เปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่ง ย้ำส่งแบรนด์ “ฮ็อป อินน์” ปูพรมทั่วประเทศ-เจาะเข้ากรุงเทพฯ ตั้งเป้าสิ้นปีนี้มีห้องพักรวมกว่า 9.5 พันห้องพักพร้อมทะลุเป้าหมาย 1 หมื่นห้องพักได้ภายในสิ้นปี”63 ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีที่วางไว้ 

นายเพชร ไกรนุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ และนางสาวกันยะรัตน์ กฤษณะเทวินทร์ รองกรรมการผู้จัดการ สายบริหารการเงินและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมมากจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยคาดว่าในปี 2562 นี้ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 41.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน บริษัทจึงเดินหน้าลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีที่วางไว้ (ปี 2559-2563) ซึ่งปัจจุบันถือว่าอยู่ในปีที่ 4

โดยปี 2562 นี้บริษัทมีแผนลงทุนทั้งหมดประมาณ 3,300 ล้านบาทสำหรับขยายโรงแรมเพิ่ม โดยจะมุ่งเน้นโรงแรมใน 3 กลุ่มหลัก คือ กลุ่มมิดสเกล (ระดับกลาง) ภายใต้แบรนด์เมอร์เคียว, โนโวเทล กลุ่มอีโคโนมี (ราคาประหยัด) ภายใต้แบรนด์ไอบิส, ไอบิส สไตล์, ฮอลิเดย์ อินน์ และกลุ่มบัดเจต ภายใต้แบรนด์ “ฮ็อป อินน์” เพื่อขยายตลาดรองรับกลุ่มนักเดินทางท่องเที่ยวคนไทย

“ปีนี้เรามีแผนลงทุนสร้างโรงแรมใหม่เพิ่มอีก 9 แห่ง รวมทั้งหมดกว่า 1,000 ห้องพัก ประกอบด้วย โรงแรมฮ็อป อินน์ ในประเทศ จำนวน 7 แห่ง คือ ขอนแก่น, เชียงราย, ระยอง, หาดใหญ่ (สงขลา), นครปฐม ฯลฯ และจะเป็นปีแรกที่มีการลงทุนโรงแรมฮ็อป อินน์ในกรุงเทพฯ ซึ่งจะลงทุนโรงแรมฮ็อป อินน์ แจ้งวัฒนะ ซอย 23 ขนาด 108 ห้อง ใกล้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู สถานีแจ้งวัฒนะ ปากเกร็ด และโรงแรมฮ็อป อินน์ รังสิต ขนาด 79 ห้อง ตั้งอยู่ใกล้กับโรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รังสิต และห้างสรรพสินค้าฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต โดยทั้ง 7 แห่งนี้จะทยอยเปิดให้บริการในช่วงประมาณไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้” นายเพชรกล่าวและว่านอกจากนี้ ยังมีโรงแรมระดับกลางและกลุ่มราคาประหยัดอีก 2 แห่ง อาทิ โรงแรมเมอร์เคียว ไอบิส สุขุมวิท 24 จำนวน 501 ห้อง ซึ่งเป็นโรงแรมในรูปแบบคอมโบโฮเทลแห่งที่ 3 ของบริษัท (มี 2 โรงแรมในตึกเดียวกัน) และเป็นโรงแรมในกรุงเทพฯ ที่มีจำนวนห้องพักมากที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เป็นต้น

นายเพชรกล่าวว่า จากแผนงานข้างต้นทำให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมีโรงแรมในเครือข่ายทั้งหมด 70 แห่ง รวม 9,559 ห้องพัก เพิ่มจากสิ้นปี 2561 ที่มีโรงแรม 61 แห่งรวมจำนวน 8,485 ห้องพัก และคาดว่าถึงสิ้นปี 2563 บริษัทจะมีจำนวนห้องมากกว่า 10,000 ห้องพัก ตามแผนยุทธศาสตร์ 5 ปีได้แน่นอน โดยแบรนด์โรงแรมที่เป็นหัวหอกในการทำการตลาดทั่วประเทศคือ ฮ็อป อินน์ ซึ่งบริษัทมีแผนเปิดให้บริการในพื้นที่ที่มีดีมานด์ของตลาดให้ได้ทั่วถึงมากที่สุด

ด้านนางสาวกันยะรัตน์กล่าวเสริมถึงผลประกอบการสำหรับไตรมาส 4 ปี 2561 ที่ผ่านมาว่า บริษัทมีรายได้รวม 1,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 180 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มีรายได้รวมทั้งปีที่ 6,308 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 4% และมีกำไรสุทธิ 536 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6%

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!