สยามเวลเนส กรุ๊ป เร่งสปีดสาขาแบรนด์ “สปา” รอบทิศ

ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 ที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแล้วสำหรับ “สยามเวลเนส กรุ๊ป” หรือ SPA โดยล่าสุดได้เปิดแบรนด์ตัวใหม่ภายใต้แบรนด์ Stretch me by Let”s Relax และลงทุนถึง 76% ในแบรนด์ทำเล็บและต่อขนตา Chaba Nails & Spa พร้อมทั้งยังเตรียมรุกขยายสาขา รีแบรนด์ผลิตภัณฑ์สปาใหม่ เพื่อเป้าหมายในการสร้างกำไรเพิ่ม

“วิบูลย์ อุตสาหจิต” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสปาแบรนด์ Let”s Relax บอกว่า ปีนี้สยามเวลเนส กรุ๊ปตั้งเป้าเพิ่มรายได้และจำนวนผู้ใช้บริการจากปีก่อนราว 20-25% โดยการสานต่อธุรกิจหลักขององค์กรอย่างธุรกิจสปา ภายใต้แคมเปญ The Master of Relaxation เน้นขยายธุรกิจสปาในทุกมิติทั้งในประเทศและต่างประเทศ

โดยจะมีแบรนด์ Let”s Relax และ Stretch me by Let”s Relax เป็นเรือธงนำหน้าขยายออกไปในอีกหลายพื้นที่ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะขยายเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 10 สาขาโดยช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ได้ทยอยเปิดไปแล้ว 2 สาขา

เร่งสปีดสาขาทุกแบรนด์

ทำให้ปัจจุบัน “สยามเวลเนส กรุ๊ป”มีสาขารวม 57 สาขา แบ่งเป็น Let”s Relax สปาระดับ 4 ดาว 40 สาขา (34 สาขาในประเทศและ 6 สาขาต่างประเทศ) Stretch me by Let”s Relax 3 สาขา Rarinjinda สปาระดับ5 ดาว 3 สาขา และ BaanSuan ร้านนวดระดับ 3 ดาว 10 สาขา ร้าน Face Care by Let”s Relax 1 สาขา และมีแผนจะทยอยเปิดเพิ่มไตรมาสละ 2-3 สาขา จนครบ 65 สาขาภายในไตรมาส 4 ของปีนี้

“แบรนด์ Stretch me มีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มพนักงานออฟฟิศและคนรุ่นใหม่ที่รักสุขภาพ และ Chaba มีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มสาว ๆ ที่รักสวยรักงาม จะช่วยเพิ่มลูกค้าชาวไทยและกระจายความเสี่ยงโดยการสร้างสมดุลให้กับสัดส่วนลูกค้าของสยามเวลเนส กรุ๊ป ที่เดิมมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 25% และลูกค้าชาวต่างชาติ 75% โดยในสัดส่วน 75% นี้ ส่วนใหญ่เป็นคนจีนกว่า 55% รองลงมาคือ ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น และยุโรป”

ส่วนแบรนด์ Rarinjinda นั้นเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมที่ปกติจะตั้งอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาวขึ้นไป ทำให้การขยายสาขาค่อนข้างมีข้อจำกัดมากกว่า เนื่องจากโรงแรมลักเซอรี่มักเป็นโรงแรมเชนขนาดใหญ่ที่มีแบรนด์สปาของตนเองอยู่แล้ว แต่หากมีโอกาสก็พร้อมลงทุน

ขณะที่แบรนด์ BaanSuan เป็นแบรนด์สปาระดับ 3 ดาวสำหรับคนไทยที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่า Let”s Relax บริษัทจึงโฟกัสที่ Let”s Relax มากกว่า และจะขยาย BaanSuan เมื่อมีทำเลที่เหมาะสม

รุกรีแบรนด์ผลิตภัณฑ์สปา

ขณะเดียวกัน “สยามเวลเนส กรุ๊ป” ยังมีแผนรีแบรนด์ “Blooming” ผลิตภัณฑ์สปาของบริษัทที่จากเดิมเป็นเพียงผลิตภัณฑ์ในสปาที่ลูกค้าซื้อกลับบ้านในบรรจุภัณฑ์ธรรมดา ๆ โดยจะนำมาแนะนำสินค้าใหม่ (relaunch) ภายใต้ชื่อใหม่ แพ็กเกจจิ้งใหม่ และผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาให้ถูกใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

โดยเชื่อว่าจากจุดแข็งทางด้านจุดวางขายกว่า 40 สาขาของ Let”s Relax ที่ไม่ต้องไปเบียดแย่งพื้นที่ในห้างสรรพสินค้ากับแบรนด์อื่น ๆ และจุดแข็งจากประสบการณ์ทดลองใช้จริงของลูกค้าจำนวนมาก (customer experience) จะสามารถสร้างรายได้จากผลิตภัณฑ์ได้มาก โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อผลิตภัณฑ์สปาไปเป็นของฝากหรือของขวัญ

“ที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าของผลิตภัณฑ์สปาจะเป็นลูกค้าต่างชาติที่ใช้บริการสปา ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนที่จะขยายสินค้าและบริการออกไปให้กว้างมากขึ้น ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์ของลูกค้า”

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา “สยามเวลเนส กรุ๊ป”มีจำนวนผู้ใช้มากกว่า 1.1 ล้านคน-ครั้งต่อปี และมีจำนวนผู้ใช้บริการซ้ำกว่า 30% ทำให้บริษัทได้ประโยชน์จากการบอกต่อของลูกค้าที่ทำให้เกิดลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

นอกจากนั้น กลุ่มธุรกิจสปาของสยามเวลเนส กรุ๊ป ยังมีนักท่องเที่ยวจีนเป็นจำนวนมาก และมีสาขาที่จีนถึง 3 สาขา บริษัทจึงได้ตั้งทีมในจีนเพื่อสื่อสารการตลาดกับลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ โดยเน้นการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก

มั่นใจ Let”s Relax หนุนเติบโต

อย่างไรก็ตาม แม้ธุรกิจสปาซึ่งอยู่ในกลุ่ม health & wellness และมีความข้องเกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวค่อนข้างสูง และอาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองและภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจจะผันผวนจากสถานการณ์สงครามการค้า แต่เชื่อว่าในปี 2562 นี้ปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นบวกกับธุรกิจสปาอย่างภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตดีต่อเนื่องเทรนด์รักษ์สุขภาพ สังคมผู้สูงอายุ ฯลฯ จะช่วยส่งผลให้ธุรกิจสปาเติบโตต่อเนื่อง5-10% เหมือนกับปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมูลค่าเงินหมุนเวียนกว่า 3 หมื่นล้านบาท

โดยแบรนด์เรือธงของสยามเวลเนส กรุ๊ปอย่าง Let”s Relax มีจุดแข็งในฐานะ family spa ที่มีมาตรฐานสากล ได้รับความไว้วางใจทั้งทางด้านการให้บริการ ราคา ความสะอาด และฝีมือด้านงานสปาของพนักงานที่มีมาตรฐานเท่ากันทุกสาขา ทำให้เชื่อว่าลูกค้าจะยังคงเลือกใช้บริการของบริษัท และจะสามารถเติบโตต่อเนื่องได้อีก 20-25% ในทุกปี

ขณะเดียวกัน “สยามเวลเนส กรุ๊ป” ยังมองถึงการเติบโตในกลุ่มประเทศ CLMV และจีนต่อไปในอนาคต จากปัจจุบันที่มี 3 สาขาในจีน และ 3 สาขาในกัมพูชา โดยล่าสุดได้ปิดดีลขายแฟรนไชส์ธุรกิจสปาสาขาแรกที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา และสาขาที่ 2 ที่เมืองชิงเต่า ประเทศจีนไปเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้

ปี”61 ยังโตต่อเนื่องได้ 20%

สำหรับภาพรวมผลประกอบการในปี 2561 ที่ผ่านมา พบว่า ในช่วงไตรมาส 1-3ผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ และชะลอลงเล็กน้อยเมื่อถึงไตรมาส 4 เนื่องจากแผนการขยายสาขาล่าช้าจากปัญหาสถานที่ 2 สาขา บวกกับจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ปรับตัวลดลง ทำให้การเติบโตชะลอลง

อย่างไรก็ตาม “สยามเวลเนส กรุ๊ป” ก็ยังคงดันรายได้ 20% ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีรายได้รวม 1,152.49 ล้านบาท เติบโต 19.75% มีกำไรสุทธิ 205.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.37% เมื่อเทียบกับปี 2560