แอคคอร์โตพุ่ง รุกซื้อ 14 แบรนด์ใหม่ รั้งผู้นำตลาดไลฟ์สไตล์โลก

“แอคคอร์” เผยปี 61 เปิดโรงแรมเกือบ 500 แห่ง รวมกว่า 100,000 ห้องทั่วโลก ชี้เพิ่มมากเป็นประวัติการณ์ สืบเนื่องเข้าซื้อกิจการ 14 แบรนด์ใหม่ เน้นหนักเสริมพอร์ตโฟลิโอกลุ่มไลฟ์สไตล์ โตพุ่งสู่ผู้นำตลาดโลก

 

นาย Gaurav Bhushan ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาโครงการของแอคคอร์ ผู้บริหารโรงแรมและที่พักในเครือแอคคอร์ เปิดเผยว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมาเป็นปีที่ทางบริษัทเปิดโรงแรมและร่วมลงนามความร่วมมือในการเปิดโรงแรมใหม่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์เกือบ 500 แห่ง รวมเป็นห้องพักกว่า 100,000 ห้อง ทั้งจากการเข้าซื้อกิจการและการเติบโตของแบรนด์เดิม ทำให้บริษัทเติบโตรวดเร็วที่สุดในตลาด สามารถตอบสนองความคาดหวังทั้งของลูกค้าและเจ้าของกิจการได้อย่างรอบด้าน พร้อมทั้งสามารถปักหลักในตลาดไลฟ์สไตล์ได้ในระยะเวลาอันสั้นและตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นได้ในทุกตลาด ตั้งแต่ระดับหรูหราไปจนถึงประหยัด

@ ขึ้นเป็นผู้นำไลฟ์สไตล์แบรนด์ของโลก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่เติบโตอย่างชัดเจน จากการเข้าซื้อแบรนด์ใหม่ 14 แบรนด์ที่ช่วยเสริมพอร์ตโฟลิโอของตลาดนี้ให้แข็งแกร่ง จนทำให้บริษัทได้ขึ้นเป็นผู้นำร่วมในกลุ่มตลาดโรงแรมไลฟ์สไตล์  โดยมีโรงแรมกลุ่มไลฟ์สไตล์ในเครือ 100 แห่ง คิดเป็นห้องพัก 20,000 ห้อง ทั้งโรงแรมปัจจุบันและที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

ปัจจุบันแอคคอร์มีโรงแรมในกลุ่มไลฟ์สไตล์ทั้งหมด 10 แบรนด์ ได้แก่  Delano, SLS, SO/, The House of Originals, Mondrian, 25Hours, Hyde, Mama Shelter, Tribe และ Jo&Joe ซึ่งแบรนด์ SO/ ถือเป็นแบรนด์ในกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่โดดเด่นที่สุด เนื่องจากมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยนอกเหนือจาก 8 แห่งที่เปิดให้บริการในปี 2561 แล้ว แบรนด์ SO/ ยังมีอีก 13 แห่ง ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการวางแผนงาน บริษัทคาดการณ์ว่าภายในปี 2566 แบรนด์จะมีโรงแรมกว่า 20 แห่ง 3,700 ห้อง

@ รุกเข้าซื้อกิจการ 14 แบรนด์

อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งที่ทำให้แอคคอร์สามารถสร้างพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งได้ในระยะเวลาอันสั้น เกิดจากการเข้าซื้อกิจการแบรนด์ชั้นยอด 14 แบรนด์ ในปี 2561 ทำให้ทางบริษัทเติบโตอย่างเข้มแข็ง และยังเดินหน้าวางแผนขยายพอร์ตโฟลิโอต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาแบรนด์ต่างๆ ในระดับสากล เพื่อคงความเป็นผู้นำในกลุ่มตลาดหลักทั่วโลก

โดยแบรนด์ที่ได้ซื้อกิจการเข้ามาบริหารในปี 2561 ได้แก่ เครือ “Atton Hoteles” ซึ่งมีโรงแรมในเครือจำนวน 10 โรงแรม คิดเป็น 2,013 ห้อง ใน 4 ประเทศ และมีโรงแรมอีก 3 แห่งที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา เครือ “Mantra” ประกอบด้วยแบรนด์ Art Series, Peppers, Mantra และ Breakfree ซึ่งมีโรงแรมรวมทั้งหมด 137 โรงแรม คิดเป็น 24,664 ห้อง ใน 3 ประเทศ และมีอีก 9 โรงแรมที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา

เครือ “Mantis” ซึ่งมีโรงแรม 28 โรงแรม คิดเป็น 587 ห้อง ใน 11 ประเทศ โดยมี 10 โรงแรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา เครือ “Mövenpick Hotels & Resorts” ซึ่งมีโรงแรม 86 โรงแรม คิดเป็น 21,259 ห้อง ใน 25 ประเทศ โดยมี 52 โรงแรมกำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา รวมถึงเครือ “21C Museum Hotels” จำนวน 10 โรงแรมกำลังเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ เอ็ม แกลเลอรี่ คอลเลคชั่น

นอกจากนั้น ยังมีเครือ “sbe” ซึ่งประกอบด้วยแบรนด์ Delano, SLS, The House of Originals, Mondrian และ Hyde รวมทั้งสิ้น 18 โรงแรม คิดเป็น 6,662 ห้อง และมีอีก 17 โรงแรม 3,034 ห้องที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา พร้อมีชื่อเสียงด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในรูปแบบเรสซิเด้นซ์เพื่อการพักอาศัย และสุดท้าย ยังมีแบรนด์ “Tribe” หนึ่งโรงแรมขนาด 126 ห้องในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งวางแผนเปิดเพิ่ม 10 แห่ง รวมจำนวนห้องพัก 1,700 ห้อง ในยุโรปและเอเชียแปซิฟิก รวมมีโรงแรมอยู่ในขั้นตอนการเจรจา 50 แห่งทั่วโลก

@ ขยายตัวลงนามทั่วโลก

นอกจากนั้น แอคคอร์ยังได้ร่วมลงนามในสัญญาใหม่ๆ ตลอดปี 2561 ซึ่งจะทำให้แอคคอร์จะมีโรงแรมใหม่ที่ครอบคลุมทุกตลาดทุกภูมิภาค โดยใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอคคอร์สะสมจำนวนโรงแรมกว่า 500 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 100,000 ห้องที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ซึ่งรวมถึงการลงนามครั้งยิ่งใหญ่ของโรงแรมแห่งแรกภายใต้แบรนด์ โอเรียนท์ เอ็กซ์เพรส (Orient Express) ที่กรุงเทพมหานคร การเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ มัลดีฟส์ ซีร์รู เฟน ฟูชิ, โนโวเทล เมลเบิร์น เซาท์ วาร์ฟ ในออสเตรเลีย และการลงนามเปิดโรงแรมไอบิส สไตล์ โตเกียว เบย์ ในญี่ปุ่น

สำหรับ ภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกากลาง แอคคอร์ก็ได้เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนโรงแรมในขั้นตอนการพัฒนาเกือบ 30 แห่ง รวมเป็นจำนวนห้องพักเกือบ 5,000 ห้อง รวมไปถึงการลงนามเพื่อเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์แห่งแรกในบอสตัน สหรัฐอเมริกา พร้อมการเปิดโรงแรมแฟร์มองต์ ออสติน และโรงแรมไอบิส สไตล์ เมริดา แกเลเรียส์ ในเม็กซิโก

เช่นเดียวกับในอเมริกาใต้ที่แอคคอร์มีโรงแรมในขั้นตอนการพัฒนากว่า 110 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 15,000 ห้อง พร้อมกับการกลับมาในรอบ 10 ปีของแบรนด์โซฟิเทล ด้วยการลงนามเปิดโรงแรมโซฟิเทล คาซาบลังก้า บารู การเปิดโรงแรมโนโวเทล ซานติอาโก โพรวิเดนเชีย ในชิลี และโรงแรมโนโวเทล เซา เปาโล เบอร์รินี ในบราซิล ด้านภูมิภาคยุโรปนั้น มีโรงแรมเกือบ 300 แห่ง รวมจำนวนห้องพักเกือบ 40,000 ห้อง ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา ทั้งการเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์แห่งแรกในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ โรงแรมแบรนด์ไทรบ์ (Tribe)  แห่งแรกในกลาสโกว์ รวมถึงการเปิดโรงแรมราฟเฟิลส์ ยูโรเปสกี วอร์ซอ ในโปแลนด์ และโรงแรมเมอร์เคียว คาลินินกราด ในรัสเซีย

ส่วน ภูมิภาคแอฟริกาและตะวันออกกลาง แอคคอร์มีโรงแรม 170 แห่ง ห้องพัก 42,000 ห้อง รวมถึงมีการลงนามโรงแรมพูลแมน อักกรา ในกานา, โรงแรมเอ็ม แกลเลอรี่ ดาวน์ทาวน์ และโรงแรมโซ/ โดฮา กาตาร์ดูไบพร้อมการเปิดโรงแรมไอบิส เอสแฟ็กซ์ ในตูนิเซีย และโรงแรมแฟร์มองต์ ริยาดห์ ในซาอุดีอาราเบีย

อย่างไรก็ตาม ที่พักในรูปแบบเรสซิเด้นซ์กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง ทางบริษัทจึงเร่งต่อยอดการเติบโตอย่างต่อเนื่องในส่วนของโรงแรมในรูปแบบเรสซิเด้นซ์เพื่อการพักอาศัยในระยะยาว จากเดิมมีอยู่แล้ว 289 แห่ง และอีก 65 แห่งอยู่ในขั้นตอนการวางแผนงาน แบรนด์ที่พักอาศัยส่วนตัว ซึ่งเดิมมีอยู่แล้ว 17 แห่ง และอีก 51 แห่งอยู่ในขั้นตอนการวางแผนงาน รวมแบรนด์โรงแรมในรูปแบบเรสซิเด้นซ์ทั้งหมด 28 แบรนด์ โดยในปี 2561 มีการเปิดโรงแรมอดาจิโอ อัมสเตอร์ดัม อัมสเทลวีน การลงนามเปิดโรงแรมพูลแมน ลิฟวิง อักกรา ซิตี้ แอร์พอร์ต และ โรงแรมโซ/ อัปทาวน์ ดูไบ เรสซิเด้นซ์