สงกรานต์”62 ฝ่าปัจจัยร้อน (ลุ้น) เงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้าน

จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์การใช้จ่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ (12-16 เมษายน) ว่า คนกรุงเทพฯจะมีการใช้จ่ายคิดเป็นเม็ดเงินราว 2.5 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.6%

โดยเม็ดเงินดังกล่าวแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงสังสรรค์ (อาหารและเครื่องดื่ม)9.65 พันล้านบาท ค่าที่พัก/เดินทาง 6.65 พันล้านบาท ช็อปปิ้ง 4.6 พันล้านบาท ทำบุญไหว้พระ 2.05 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายในกิจกรรมอื่น ๆ อีกราว 2.05 พันล้านบาท

พร้อมทั้งประเมินว่า ปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสถานที่ยอดฮิตในช่วงสงกรานต์จะทำให้คนกรุงเทพฯปรับแผนการท่องเที่ยว

โดยหลีกเลี่ยงพื้นที่ดังกล่าวและวางแผนทำกิจกรรมในกรุงเทพฯ และเที่ยวในจังหวัดใกล้เคียงมากขึ้น อาทิ ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา ระยอง เป็นต้น

คาดเงินสะพัดกว่า 2 หมื่นล้าน

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประเมินว่า ภาพรวมระหว่างวันที่ 12-16 เมษายนนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 5.46 แสนคน เพิ่มขึ้น 8% สร้างรายได้

ประมาณ 1.02 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 14% โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเดินทางเข้ามาของตลาดระยะใกล้ โดยเฉพาะกลุ่มอาเซียน, จีน, ไต้หวัน และอินเดีย ทั้งนี้ คาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มอาเซียน 3 อันดับแรกคือ สิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 26% รองลงมาคือมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 24% และเวียดนาม เพิ่่มขึ้น 22%

ส่วนกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยคาดว่าจะมีการเดินทางทั้งหมด 3.1 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 3% สร้างรายได้ประมาณ 1.06 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% โดยส่วนใหญ่จะเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้เช่นกัน

โดยพื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังคงได้รับความนิยมเหมือนที่ผ่านมา มีที่ได้รับผลกระทบบ้างคือภาคเหนือ เนื่องจากปัญหาเรื่องฝุ่นควันที่คาดว่าน่าจะทำให้ตัวเลขรวมของภาคเหนือตกลงราว 10% ซึ่งเป็นการลดลงจากนักท่องเที่ยวชาวไทยเป็นหลัก

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะไม่กระทบถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็นตลาดจีนหรือประเทศอื่น ๆ ที่นิยมเดินทางมาเที่ยวภาคเหนือ และจังหวัดเชียงใหม่อยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ยังเชื่อมั่นว่าภาพรวมสงกรานต์ทั้งประเทศจะยังเติบโตที่ประมาณ 3% และมีอัตราการจองห้องพักโดยรวมทั่วประเทศอยู่ที่ 70-80% เนื่องจากปีนี้คนไทยตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศมากขึ้น เพราะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น

เร่งสร้างความมั่นใจนักท่องเที่ยว

“ยุทธศักดิ์” บอกว่า จากรายงานของสำนักงาน ททท. จังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า ณ มีนาคม 2562 การจองห้องพักทั่วจังหวัดเชียงใหม่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ราว 82% ซึ่ง ททท.ได้เร่งหาแนวทางในการผลักดันการท่องเที่ยว เพื่อไม่ให้ได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นควันในช่วงสงกรานต์

โดยเร่งติดตั้งม่านน้ำ อุโมงค์น้ำ รถน้ำ ตั้งแต่ช่วงวันหยุด 6-8 เมษายนที่ผ่านมา เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยวก่อน รวมถึงมีคำสั่งให้สำนักงานในจังหวัดภาคเหนือเฝ้าระวังสถานการณ์โดยตลอด และเร่งผลักดันให้เกิดการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจก่อนเดินทาง

นอกจากนั้น ในระยะยาว ททท.ยังได้ร่วมพูดคุยกับภาคเอกชนในจังหวัดถึงการจัดทำแนวกันไฟอีกด้วย

สำหรับกิจกรรมสงกรานต์ในปีนี้นั้น นอกจากกิจกรรม “Water Festival 2019 เทศกาลวิถีน้ำ…วิถีไทย” ใน 9 พื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ อาทิ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, ท่ามหาราช, ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค, เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ฯลฯ และในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ อุดรธานี และภูเก็ต แล้ว ททท.ก็ยังให้ความสำคัญกับเมืองรองโดยได้ร่วมจัด งาน”เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2562″ ใน 3 เมืองรอง ได้แก่ มุกดาหาร ตาก และระนอง

คนไทยแห่เที่ยวนอก

ด้าน “ภูริวัจน์ ลิ้มถาวรรัตน์” นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) ระบุว่า คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะเติบโตเพียง 3% เมื่อเทียบกับปีก่อน

อัตราการเติบโตดังกล่าวถือว่าเติบโตน้อยทีเดียว ทั้งนี้ เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีทำให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศลดลง และจากสภาพการจราจรที่ติดขัดทำให้หลายคนตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการทัวร์ในประเทศได้พยายามเร่งยกระดับมาตรฐานด้านความสะดวก สะอาด ปลอดภัยให้เพิ่มขึ้น

“ญี่ปุ่น-เกาหลี-ยุโรป” ยังฮอตฮิต

สอดรับกับ “เจริญ วังอนานนท์” อุปนายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) ซึ่งดูแลตลาดเอาต์บาวนด์ ที่กล่าวว่า ปกติช่วงเทศกาลสงกรานต์ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ตลาดเอาต์บาวนด์เติบโตได้ดีอยู่แล้ว แต่ในปี 2562 นี้ ถือว่าเติบโตได้ดีกว่าปีอื่น ๆ เนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินที่ส่งผลให้คนไทยสามารถเที่ยวต่างประเทศได้ในราคาที่ถูกลง รวมถึงสภาพอากาศร้อนจัดที่ทำให้คนไทยอยากเดินทางไปเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่มีอากาศเย็นแทนและคาดการณ์ว่าในระยะเวลา 10 วันของช่วงเทศกาลจะมีนักท่องเที่ยวไทยเดินทางออกนอกประเทศกว่า 30,000 คนต่อวัน และมีการจับจ่ายใช้สอยคนละประมาณ 30,000 บาท สร้างเงินสะพัดกว่า 900 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นราว 10% จากปีก่อน

โดยประเทศที่ได้รับความนิยมยังคงเป็นญี่ปุ่น เกาหลี และยุโรป และประเทศที่มาแรงคือ เวียดนาม นอกจากนี้ยังประเมินว่าตัวเลขคนไทยเดินทางออกนอกประเทศในช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ จะมีปริมาณที่มากกว่าทุกปีที่ผ่านมาอีกด้วย เนื่องจากมีวันหยุดค่อนข้างมากนั่นเอง

ต่างชาติหนีฝุ่นควัน-การเมือง

ขณะที่ “วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ผู้ดูแลตลาดอินบาวนด์ ประเมินว่า ภาพรวมของสถานการณ์ท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 12-16 เมษายนปีนี้ น่าจะอยู่ในสภาวะทรงตัว หรือใกล้เคียงกับตัวเลขของปีก่อน โดยปัจจัยที่เป็นสาเหตุของสภาวการณ์เติบโตน้อยนั้นน่าจะมาจากเหตุการณ์ฝุ่นควันในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงแผนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ของไทยที่ยังไม่ชัดเจนด้วย

ทั้งนี้ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยราว 5.5 แสนคนแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีน 1.5 แสนคน หรือมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อคนต่อทริปราว 40,000 บาท คิดเป็นรายได้รวมที่ราว 2 หมื่นล้านบาท