รี้ดฯเสริม “ดิจิทัลเอ็กซ์พีเรียนซ์” ย้ำเบอร์ 1 ธุรกิจจัดงานแสดงสินค้า

แม้ว่าในหลาย ๆ ธุรกิจจะถูกดิสรัปชั่นไปเป็นจำนวนมาก แต่สำหรับบริษัทจัดงานแสดงสินค้าอันดับต้น ๆ ของประเทศอย่าง “รี้ด เทรดเด็กซ์” นั้น ได้เดินหน้าเพิ่มคุณค่ายกระดับประสบการณ์ผู้เข้าชมด้วย “ดิจิทัลเอ็กซ์พีเรียนซ์” เพื่อหวังรักษาตำแหน่งเบอร์หนึ่งในตลาดอย่างเหนียวแน่น

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “สุทธิศักดิ์ วิลานันท์” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท รี้ด เทรดเด็กซ์ จำกัด ถึงแผนการดำเนินธุรกิจไว้ดังนี้ “สุทธิศักดิ์” บอกว่า ในปีที่ผ่านมาธุรกิจการจัดแสดงสินค้า (trade exhibiton) เติบโตขึ้นประมาณ 20% ซึ่งถือว่ามีการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกับปีก่อน ๆ และเห็นได้อย่างชัดเจนว่าความต้องการในการจัดแสดงสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดจนมากกว่าจำนวนทรัพยากรสำหรับการจัดแสดงงานที่มีอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของสถานที่จัดงานซึ่งถูกจองเต็มตลอดทั้งปี

โดยสิ่งสำคัญที่ทำให้ธุรกิจการจัดแสดงสินค้ายังคงเติบโตนั้นเป็นเพราะธุรกิจการจัดแสดงสินค้ามีส่วนสำคัญในการผลักดัน และขับเคลื่อนให้กลุ่มธุรกิจไมซ์ (MICE) และเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต ผ่านการนำนักธุรกิจมาสร้างเครือข่าย รวมถึงนำเอาเทคโนโลยีใหม่เข้ามาให้กับผู้ผลิตในประเทศ และเพื่อปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป และยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจของทั้งผู้จัดแสดงสินค้าและผู้เข้าชมงาน “รี้ด เทรดเด็กซ์” ได้ร่วมมือกับเครือข่ายกลุ่มบริษัทรี้ด เอ็กซ์ฮิบิชั่นส์ พัฒนาเทคโนโลยี โดยมีเป้าหมาย คือ การสร้างดิจิทัลเอ็กซ์พีเรียนซ์ (digital experience) ที่ดีมากยิ่งขึ้น โดยการจัดแสดงงานทั้งหมดในปีนี้จะมีการใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเริ่มต้นจากงาน Manufacturing Expo 2019 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 19-22 มิถุนายนนี้

โดยมี 2 เทคโนโลยีที่เป็นไฮไลต์ที่จะเปิดตัวก่อนในปีนี้ คือ “Match me” เทคโนโลยีระบบจับคู่ทางธุรกิจด้วยชุดคำสั่ง ที่จะช่วยจับคู่ความสนใจในสินค้าของผู้ชมงานกับประเภทสินค้าของผู้แสดงสินค้า เกิดเป็นรายชื่อแนะนำที่ผู้ชมงานจะได้รับทันทีที่ลงทะเบียนหน้างาน พร้อมระบบส่งให้ผู้ใช้บริการล่วงหน้าและผู้ที่เข้าใช้เว็บไซต์ นอกจากนั้น “Match me” ยังจะเปลี่ยนรูปแบบการเข้าชมงานให้ตรงกับสไตล์ของผู้เข้าชมมากขึ้น ผ่านระบบที่ยืดหยุ่นและเอื้ออำนวยให้ผู้เข้าชมงานสามารถจัดการเวลาและเส้นทางการชมงานให้เข้ากับตนเองได้ เนื่องจากรูปแบบของผู้เข้าชมงานมีหลายประเภท

เทคโนโลยีที่สอง คือ “M-REG” ระบบลงทะเบียนผ่านสมาร์ทโฟน ที่ช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการลงทะเบียนให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเข้าสู่งานได้เร็วขึ้น และมีข้อมูลอยู่ในมือตั้งแต่ก่อนเข้างาน

นอกจากนี้ ยังได้นำเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เข้าร่วมงาน อาทิ “ChatBot” ระบบตอบข้อความอัตโนมัติที่จะทำให้การสื่อสารระหว่างผู้เข้าชมหรือผู้จัดแสดงที่ต้องการข้อมูลหรือความช่วยเหลือได้คำตอบอย่างรวดเร็วตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะเดียวกัน ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ และปรับใช้เทคโนโลยีจากเครือข่ายให้เข้ากับการใช้งานในภูมิภาคอีกหลายเทคโนโลยี ซึ่งจะทยอยออกมาใช้เป็นระยะ ทั้งนี้ เพื่อรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ของตลาดการจัดแสดงสินค้าด้านอุตสาหกรรมการผลิตและเชื่อว่าธุรกิจการจัดแสดงสินค้ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนและผลักดัน รวมถึงการนำทางให้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของประเทศ

โดยคาดการณ์ว่าในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า อุตสาหกรรมการจัดแสดงสินค้าจะยังคงเติบโตต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ยังห่างไกลจากจุดอิ่มตัวค่อนข้างมาก รวมถึงการจัดแสดงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตจะยังคงมีพื้นที่ในการเติบโตตามการพัฒนาของอุตสาหกรรมการผลิตที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็วอยู่ตลอด

“สุทธิศักดิ์” ยังทิ้งท้ายด้วยว่า ในปีที่ผ่านมา “รี้ด เทรดเด็กซ์” มีรายได้เติบโตกว่า 20% และตั้งเป้าที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกไม่ต่ำกว่า 10% ในปีนี้ โดยมีจำนวนงานที่อยู่ในความดูแลทั้งหมด 15 งานในไทย และอีก 4 งานในเวียดนามอาทิ งาน Manufacturing Expo, TILOG-LOGISTIX และงาน METALEXซึ่งคาดว่าจะทำให้มีจำนวนเงินสะพัดทั้งสิ้นกว่า 23,000 ล้านบาท