หลายปีที่ “ตลาดน้ำดำเนินสะดวก” เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมาเยี่ยมเยือนสักครั้งหากเดินทางมาเที่ยวในไทย และเป็นตลาดที่มีคนไทยเดินทางมาท่องเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าความคึกคักจากตลาดน้ำกระจุกตัวอยู่จนถึงสุดเขตแดนตลาดเท่านั้น ไม่ได้กระจายประโยชน์มาถึงชุมชนเก่าแก่ที่ใช้ชีวิตริมคลองด้านในมาเนิ่นนาน
กระทั่ง องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ได้เข้ามารับหน้าที่พัฒนา “คลองดำเนินฯ” ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบการท่องเที่ยววิถีคลองตามนโยบายเร่งด่วนของคณะรัฐมนตรี ซึ่งหลังจากดำเนินงานมากว่า 6 เดือน อพท.ได้วางเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมให้กับคลองดำเนินฯภายใต้แนวคิด “วิถีคลอง วิถีไทย ตามรอยเสด็จคลองดำเนิน”
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
โดยเส้นทางที่ อพท.ร่วมกับชุมชนกำหนดเป็นเส้นทางเดินเรือด้วยเรือพายและเรือยนต์ในระยะทาง 10 กิโลเมตร ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 4 จุด จุดแรกคือ วัดโชติทายการาม วัดราษฎร์เก่าแก่ที่ได้รับเสด็จพระเจ้าแผ่นดินมาแล้วถึง 2 รัชกาล ถัดไปคือ บ้านมหาดเล็กเจ็กฮวด ที่เจ้าของบ้านเคยรับเสด็จและถวายพระกระยาหารพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ขณะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรอย่างไม่เป็นทางการจนได้กลายเป็น “มหาดเล็กเพื่อนต้น”
ต่อไปคือ สวนเกษตรผสมผสานแม่ทองหยิบ สวนเกษตรผสมที่แม่ทองหยิบใช้เลี้ยงดูลูกชายหญิงทั้ง 7 คน พร้อมเปิดให้เรียนรู้วิถีชาวสวน และสัมผัสกับคุณค่าของดินดี น้ำดี อาหารดี และที่สุดท้าย ตลาดน้ำตั๊กลัก ตลาดน้ำดั้งเดิมแห่งแรกของราชบุรีที่มีก่อนการขุดคลองดำเนินสะดวก
เส้นทางดังกล่าวมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิต ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ที่มีพระราชดำริให้ขุดคลองดำเนินสะดวกจนกลายเป็นเส้นทางการค้าที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจใน 3 จังหวัด คือ ราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องราวการเสด็จประพาสต้นของรัชกาลที่ 5 และการเสด็จพระราชดำเนินของรัชกาลที่ 9 เพื่อตรวจเยี่ยมราษฎรและบำเพ็ญราชกุศลที่วัดโชติทายการามในปี 2510 ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนในท้องถิ่นที่พร้อมบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ อพท.ได้พัฒนานักสื่อความหมายท้องถิ่นไปแล้ว 2 รุ่น เพื่อช่วยพัฒนาบุคลากรในชุมชนให้สามารถช่วยเล่าเรื่องราววิถีชีวิตและประวัติศาสตร์ริมคลองดำเนินฯ ให้นักท่องเที่ยวรับรู้ เข้าถึงและเข้าใจได้อย่างเต็มที่
“ทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ” ผู้อำนวยการองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) บอกว่าการพัฒนาคลองดำเนินสะดวกนั้น อพท.ไม่ได้มีเป้าหมายในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในพื้นที่แต่เพียงอย่างเดียว แต่มีเป้าหมายหลักในการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในพื้นที่ดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีเข้าด้วยกันให้เป็นเนื้อเดียว
สำหรับรูปแบบในการพัฒนาพื้นที่ริมคลองดำเนินฯนั้น อพท.ได้ทำงานบนพื้นฐานของการพัฒนาภายใต้กรอบเกณฑ์การท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน (CBT Thailand) ที่อยู่ภายใต้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) เพื่อพัฒนาชุมชนให้ผ่านเกณฑ์อย่างน้อย 50% ซึ่งระยะเวลาในการพัฒนาพื้นที่ให้แล้วเสร็จทั้งหมดกินเวลาทั้งสิ้นประมาณ 3 ปี เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายเพิ่มรายได้ให้ชุมชน 20% จากของเดิม
โดยหลังเริ่มดำเนินการมาเป็นเวลา 6 เดือน เส้นทางท่องเที่ยว “วิถีคลอง วิถีไทย ตามรอยเสด็จคลองดำเนิน” ได้ดำเนินมาถึงขั้นที่สามารถเปิดให้บริการกับนักท่องเที่ยวทั่วไปได้แล้ว โดยรองรับนักท่องเที่ยวได้สูงสุด 30 คนต่อครั้ง และมีจำนวนขั้นต่ำของนักท่องเที่ยวต่อการจองแพ็กเกจ 1 ครั้ง 6 คน โดยมีอัตราค่าบริการราคา 750 บาทต่อคน ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะมีชุมชนเป็นผู้บริหารจัดการต่อไป
ขณะที่ “นิลวรรณ ทุนคุ้มทอง” ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ อพท.1 กล่าวว่า หลังจากการเตรียมความพร้อมให้กับชุมชนในด้านการตลาด อพท.ได้เชิญหน่วยงานด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวมาศึกษาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งพบว่าพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพเพียงพอที่จะนำไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของอำเภอดำเนินสะดวกและประเทศ
ไม่เพียงเท่านี้ สมาคมดังกล่าวยังจะนำเส้นทางคลองดำเนินฯไปจัดไว้ในโปรแกรมการท่องเที่ยวที่เหมาะสมพร้อมนำไปทำตลาดต่อไปด้วย