ท่องเที่ยว Q1/62 นิ่งสนิท ตลาดจีนติดลบทั้ง “จำนวน-รายได้”

จากสถิติของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา (มกราคม-มีนาคม 2562) ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทั้งหมดรวม 10.79 ล้านคน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 1.76% สร้างรายได้คิดเป็นมูลค่ารวม 5.73 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 0.38%

โดยในส่วนตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดหลักพบว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยจำนวน3.12 ล้านคน ลดลง 1.72% สร้างรายได้ 1.72 แสนล้านบาท ลดลง 1.82% เรียกว่าลดลงทั้งในแง่จำนวนรายได้และจำนวนนักท่องเที่ยว

“วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเกินกว่า 1 ล้านคนทุกเดือน ซึ่งถือว่า

เป็นตัวเลขในระดับที่ดี แต่สาเหตุที่ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว มีตัวเลขลดลงเล็กน้อยนั้นมาจากสถานการณ์นักท่องเที่ยวจีนที่ลดจำนวนลงตั้งแต่ปลายปี 2561 ซึ่งยังมีผลต่อเนื่องให้สายการบินซึ่งมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำยกเลิกเที่ยวบินในไทยเปลี่ยนไปบินในเส้นทางอื่น และยังไม่ได้กลับมาบินในเส้นทางเดิมเมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง

โดยสายการบินหลายแห่งเลือกเปิดเส้นทางใหม่สู่หลาย ๆ ประเทศแทนประเทศไทย อาทิ เวียดนาม พม่า ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น จะพบว่ามีอัตราผู้โดยสารและการเติบโตที่ดีพอ ทำให้สายการบินเหล่านั้นตัดสินใจไม่กลับมาบินในไทยอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงในไตรมาสแรก แต่หากพิจารณาร่วมกับการเติบโตที่สูงมากในปีก่อนจะเห็นว่าไม่ใช่การลดลงในจำนวนที่มากนัก

ทั้งนี้ ยังเชื่อด้วยว่าในอีก 7 เดือนต่อจากนี้ นักท่องเที่ยวจีนจะมีจำนวนเฉลี่ยอยู่ที่ 8 แสน-1 ล้านคนต่อเดือน และมั่นใจว่าตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไปจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะกลับมาเติบโตมากกว่า 10% อย่างแน่นอน และน่าจะหนุนให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ถึง 11 ล้านคนตามที่ตั้งเป้าไว้ เพียงแต่ไม่ได้เติบโตแบบก้าวกระโดด 20-30% เหมือนที่เคยเป็นมา และมีส่วนทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมในปี 2562 นี้เติบโตอย่างน้อย 5-10%

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพื้นฐานในด้านต่าง ๆ ของไทยเองก็ไม่สามารถรองรับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของนักท่องเที่ยวได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพในการรองรับของสนามบิน และสลอตการบินที่แน่นมาก จึงคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและชาติอื่น ๆ ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดอีกครั้งเมื่อท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและดอนเมืองในเฟสใหม่สร้างเสร็จ

“วิชิต” ยังอธิบายถึงปรากฏการณ์ด้านรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนที่ปรับตัวลดลงในสัดส่วนที่สูงกว่าตัวเลขของจำนวนนักท่องเที่ยวด้วยว่า รายได้ที่ตกลงประมาณ 1.8% นั้นถือว่าเป็นตัวเลข

ที่ไม่แย่นัก เพราะเมื่อเทียบสัดส่วนกับเงินหยวนที่อ่อนค่าและบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ตัวเลขที่ตกลงไป 1.8% แทบจะเท่ากับการจับจ่ายไม่ได้ลดลงเลย

ในขณะที่การจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวจีนทั่วโลกลดลงมากกว่าไทยด้วยหลายสาเหตุ ทั้งจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางด้วยตัวเองที่เข้ามาทดแทนกลุ่มกรุ๊ปทัวร์เป็นหนุ่มสาวที่เน้นการกินดื่มรับประสบการณ์มากกว่าการช็อปปิ้ง

นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวกลุ่มอื่น ๆ ก็มีประสบการณ์การเดินทางที่ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มคิดคำนวณรายการจับจ่ายอย่างละเอียดมากขึ้น ในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจของจีนมีทั้งปัญหาชะลอตัวจากสงครามการค้าและเงินหยวนแข็งค่าและเพื่อเป็นการมุ่งทำตลาดนักท่องเที่ยวโดยเน้นเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวมากกว่าการเพิ่มจำนวนตามนโยบายรัฐบาล ทางสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว หรือแอตต้าก็ได้ให้ความสำคัญกับการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเฉพาะที่มีการใช้จ่ายมากประกอบด้วยกลุ่มท่องเที่ยวด้วยตัวเอง กลุ่มอุตสาหกรรมไมซ์ กลุ่มครอบครัว และกลุ่มเฉพาะอื่น ๆ (niche market)


โดยระหว่าง 26-31 พฤษภาคมนี้ ทางแอตต้าเตรียมไปโรดโชว์ใน 3 เมืองรองที่มีศักยภาพของจีน ได้แก่ เมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน เมืองหนานฉาง มณฑลเจียงซี และเมืองฉางชามณฑลหูหนาน ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยกระตุ้นตลาดได้ระดับหนึ่งด้วย