“TAGTHAI” ได้ฤกษ์เปิดตัว ก.ย.นี้ หวังกวาด FIT จีน-หนุนผู้ประกอบการไทย

เปิดตัวอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาสำหรับแอปพลิเคชั่น TAGTHAI หรือ “ทักทาย” ภายใต้คณะทำงานโครงการ Digital Tourism Platform หนึ่งในโครงการของคณะทำงานส่งเสริมการท่องเที่ยวและไมซ์ (D3)

โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ “ทักทาย” เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สินค้า และบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นช่องทางออนไลน์ที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันและเข้าถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้

“อัจฉราพันธุ์ จันทร์เอม” และ “สมเกียรติ ปานพูนทรัพย์” หนึ่งในคณะทำงาน บริษัท ไทย ดิจิทัลแพลตฟอร์ม วิสาหกิจเพื่อสังคมผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นทักทาย (TAGTHAI) ให้ข้อมูลว่า แอปพลิเคชั่นทักทายพร้อมที่จะเปิดให้บริการภายในเดือนกันยายนนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะเป็น online travel agent (OTA) ไทย ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยขนาดย่อมเข้าถึงตลาดนักท่องเที่ยวอินบาวนด์และโดเมสติกด้วยต้นทุนที่เหมาะสม และสร้างเงินหมุนเวียนอยู่ภายในประเทศ

โดยไม่ได้มีเป้าหมายที่จะแข่งขันกับ OTA ต่างชาติแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นแอปที่มีครบจบในเรื่องท่องเที่ยวไทย ซึ่งความโดดเด่นที่สุดของแอปที่ถือเป็น “คีย์ความสำเร็จ” ก็คือ “ความร่วมมือ” ที่เกิดจากภาคส่วนต่าง ๆ กว่า 49 องค์กร ที่ทำให้สามารถคัดกรองผู้ให้บริการที่มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ฟีเจอร์หลักของแอปแบ่งเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.ข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร การเดินทาง และข้อมูลอื่น ๆ พร้อมทั้งสามารถวางแผนและบันทึกเส้นทางท่องเที่ยวทั้งหมดภายในแอปได้ 2.ตลาดสินค้าบนโลกออนไลน์ (marketplace)ซึ่งจะประกอบด้วย 4-5 ตลาดหลักที่มีระบบชำระเงินกลางร่วมกัน

โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมต้องมีเจ้าของเป็นคนไทย หรือมีคนไทยถือหุ้นในสัดส่วน 50% ขึ้นไป และจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายไทย

สำหรับคลังสินค้านี้จะแบ่งเป็นคลัง “โรงแรม” ที่จะเปิดให้บริการเป็นคลังแรก พร้อมกับ “สายการบิน” ให้บริการบินเที่ยวบินในประเทศไทย ที่ขณะนี้มีสายการบินไทย, นกแอร์, ไทยแอร์เอเชีย และไทยสมายล์

นอกจากนั้นจะยังประกอบด้วยคลังบริการทัวร์, ภัตตาคาร, สปาและการพักผ่อนหย่อนใจ รวมถึงบริการยานพาหนะซึ่งจะมีทั้งตั๋วรถเช่า รถโดยสารประจำทาง รวมถึงเรือโดยสาร

และ 3.บริการด้านความปลอดภัย ซึ่งแอปจะเชื่อมต่อกับตำรวจท่องเที่ยวและสถานีตำรวจ ให้สามารถกดปุ่ม SOS ได้เมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน รวมถึงเปิดให้มีการร้องเรียนเมื่อเกิดเหตุเอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว

ขณะเดียวกัน ยังมีข้อเสนอพิเศษต่าง ๆ ที่ประกอบด้วยดีลและโปรโมชั่นจากห้างร้านและผู้ให้บริการอื่น ๆ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวอีกด้วย

สำหรับในส่วนของค่าคอมมิสชั่น (commission fee) นั้น แอปและสมาคมผู้ดูแลตลาดสินค้าต่าง ๆ จะทำการตกลงร่วมกัน โดยสมาคมจะเป็นผู้จัดเก็บหลักและแบ่งมาให้กับบริษัท ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะไม่สูงเกินกว่า 10% แน่นอน

รายได้ที่ทางสมาคมได้รับจะนำไปใช้ในการบริหารจัดการ OTA รวมของคลังสินค้านั้น ๆ และรายได้ที่ทางบริษัทได้รับจากค่าคอมมิสชั่น รวมถึงค่าโฆษณาที่อาจจะเก็บได้ในอนาคตก็จะนำไปบริหารจัดการและพัฒนาแอปพลิเคชั่นต่อไป โดยตั้งอยู่บนหลักคิดที่ว่า “จะไม่มีการแสวงหาผลกำไร”

โดยแอปจะมุ่งมั่นทำตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ซึ่งหมายรวมถึงทั้งจากตลาดอินบาวนด์และโดเมสติกเป็นหลัก ซึ่งคาดว่าจะเข้าถึงฐานผู้ใช้งานนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทยกว่า 35 ล้านคน ซึ่งคิดเป็นมูลค่ารายได้ท่องเที่ยวกว่า 1.82 ล้านล้านบาทและฐานผู้ใช้งานนักท่องเที่ยวไทย 58 ล้านคน มูลค่ารายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 3.9 แสนล้านบาท

และเนื่องจากจีนเป็นตลาดใหญ่ จึงจะเน้นโฟกัสตลาดนักท่องเที่ยวจีนเป็นอันดับแรก โดยแอปจะรองรับ 3 ภาษาได้แก่ จีน อังกฤษ และไทย

ทั้งนี้ มีเป้าหมายที่จะสร้างการรับรู้และขยายฐานผู้ใช้ให้ได้หลักแสนดาวน์โหลดภายในปีแรกของการเปิดดำเนินการ และเห็นภาพที่ชัดเจนได้ภายใน 2-3 ปี

โดยเชื่อมั่นว่าถ้าหากทำได้สำเร็จ “ทักทาย” หรือ TAGTHAI จะเป็นแอปท่องเที่ยวแห่งแรกของโลกที่เกิดจากความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน