ทัวริสต์ต่างชาติหนีบาทแข็ง คนไทยแห่เที่ยวนอก11ล้านคน

“บาทแข็ง” หนุนคนไทยแห่เที่ยวนอก พุ่งสวนทางทุกดัชนีเศรษฐกิจคาดทะลุ 11 ล้านคน “ทีทีเอเอ”เผยผู้ประกอบการกุมขมับ สงครามราคารุนแรง สายการบินแห่หั่นค่าตั๋ว ปรับแพ็กเกจขายทัวร์ตามไม่ทัน “โปรไฟไหม้” ท่วม ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติขาเข้าฝืดสนิท ต้นทุนเที่ยวไทยพุ่ง “แอตต้า” วอนรัฐเร่งแก้ปัญหา ก่อนไทยเสียโอกาสให้ประเทศเพื่อนบ้าน

“บาทแข็ง” ฉุดคนจีนไม่เที่ยวไทย

นายนริศ สถาผลเดชา ผู้บริหารศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี กล่าวว่า เงินบาทที่แข็งค่าในปีนี้ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ซึ่งเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวถือว่ามากกว่าเม็ดเงินจากการส่งออกสุทธิถึง 3 เท่า ขณะที่เงินบาทเมื่อเทียบกับเงินหยวนของจีน (YoY) แข็งค่าขึ้นถึง 11.5% หรือเทียบกับยุโรปแข็งค่าขึ้น 9.34%

“การที่นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเที่ยวในช่วงนี้ มองว่าเป็นประเด็นค่าเงินเป็นหลัก เพราะก่อนหน้านี้เริ่มเห็นนักท่องเที่ยวจีนกลับมา หลังจากที่มีการจัดระเบียบไป แล้วพอมี Visa on Arrival ตอนต้นปีถือว่าพยุงได้ แต่พอบาทแข็งหนัก ๆ เขาก็คงมองว่าไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า และในทางกลับกัน คนไทยก็จะตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศง่ายขึ้น จากการแข็งค่าของเงินบาท”

แข่งขันสูง-สงครามราคาพุ่ง

นายธนพล ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงภาพตลาดนักท่องเที่ยวไทยขาออก (เอาต์บาวนด์) ว่า ผลจากเงินบาทแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ปลายปี 2561 ส่งผลบวกต่อธุรกิจท่องเที่ยวเอาต์บาวนด์ในทุกตลาดชัดเจน ทั้งตลาดระยะสั้นอย่างญี่ปุ่นและระยะไกลอย่างยุโรป เพราะทำให้แพ็กเกจเที่ยวต่างประเทศถูกลงตามอัตราแลกเปลี่ยนแต่ละประเทศ เช่นค่าเงินยูโรปรับลดลงจาก 40 บาท เหลืออยู่ระดับ 34-35 บาทต่อ 1 ยูโร หรือลดลง 15% ค่าเงินลีรา ของตุรกีปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 6 บาท ลดลงราว 50% จากช่วง 3-4 ปีก่อน เช่นเดียวกับค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับเงินบาท โดยคาดว่าปีนี้ทัวร์เอาต์บาวนด์จะขยายตัวมากกว่า 10%

นายธนพลกล่าวว่า ท่ามกลางความคึกคักของตลาดเอาต์บาวนด์ แต่สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการนำเที่ยวไม่ได้อานิสงส์มากนัก เนื่องจากการแข่งขันราคาทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งราคาแพ็กเกจนำเที่ยว, ตั๋วเครื่องบิน ปัญหาใหญ่ของผู้ประกอบการตอนนี้คือ ปรับตัวไม่ทันการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เร็วกว่าปกติ ซึ่งปกติบริษัทนำเที่ยวจะมีเวลาขายแพ็กเกจล่วงหน้า แต่ตอนนี้ราคาของสายการบินเปลี่ยนเร็วมาก ราคาที่บริษัททัวร์ได้มายังขายไม่หมด สายการบินก็ดัมพ์ราคาลงมาแข่งอีก และยังดึงดูดให้คนหันไปนิยมเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการแข่งขันทำราคาแพ็กเกจทัวร์จนแทบไม่เหลือกำไร

“โปรไฟไหม้-โปรเถ้าถ่าน” ท่วม 

สอดรับกับแหล่งข่าวในธุรกิจท่องเที่ยวระบุว่า ปัจจุบันการทำตลาดของสายการบิน โดยเฉพาะกลุ่มโลว์คอสต์แอร์ไลน์จะตัดลอตที่นั่งในแต่ละเที่ยวบินให้กับบริษัททัวร์จำนวนหนึ่งในราคาพิเศษ ส่วนที่เหลือสายการบินจะขายเอง แต่หากใกล้วันบินยังมีที่นั่งเหลือก็จะนำมาทำโปรโมชั่นแบบต่ำกว่าจุดคุ้มทุนและต่ำกว่าราคาที่ให้บริษัทนำเที่ยว ซึ่งทำให้ราคาแพ็กเกจของบริษัทนำเที่ยวปรับขึ้น-ลงไม่ทัน

“นอกจากนี้ปัจจุบันมีการทำแพ็กเกจแบบโปรไฟไหม้ โปรเถ้าถ่าน ที่ผู้ประกอบการนำเที่ยวได้ราคาตั๋วเครื่องบินมาในราคาที่ถูกมาก หรือแทบจะฟรีในช่วงใกล้บิน มาจัดแพ็กเกจราคาถูก ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทย และคาดว่าปีนี้ดัชนีความสุขของคนไทยเที่ยวนอกจะพุ่งสวนทางกับดัชนีเศรษฐกิจของไทย ขณะที่ผู้ประกอบการนำเที่ยวจำนวนมากเริ่มประสบปัญหา เพราะปกติกำไรของบริษัทนำเที่ยวเฉลี่ยไม่เกิน 10% เท่านั้น”

คนไทยเที่ยวนอกปีนี้ 11 ล้านคน

ด้านนางสาวทัศนีย์ เกียรติกำจรชัย เลขาธิการทีทีเอเอ กล่าวเสริมว่า ประเด็นเงินบาทที่แข็งค่าพบว่าคนไทยจองแพ็กเกจไปประเทศโซนยุโรปเพิ่มขึ้นชัดเจน อาทิ ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์, อิตาลี รวมถึงตุรกี พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นราว 20% โดยคาดว่าจำนวนคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศปีนี้จะอยู่ที่ 10.8-11 ล้านคน มีเงินสะพัดราว 3.3 แสนล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 10 ล้านคน ยอดใช้จ่ายรวมราว 3 แสนล้านบาท

สำหรับเส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยในช่วงนี้ หลัก ๆ ยังคงเป็นในแถบเอเชียตะวันออก โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีสายการบินเปิดบินตรงสู่ญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ทำให้มีที่นั่งรองรับนักท่องเที่ยวเดินทางไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1.2 ล้านคนในปีนี้ จากปีที่ผ่านมาประมาณ 1 ล้านคน

ต่างชาติเที่ยวไทย “ทรุดยาว”

ขณะที่นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวถึงภาพรวมของตลาดต่างชาติเที่ยวไทย (อินบาวนด์) ว่า เศรษฐกิจโลกและเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องทำให้นักท่องเที่ยวขาเข้าปรับตัวลดลง เป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบค่อนข้างสูงในทุก ๆ ตลาด ไม่ว่าจะเป็นจีนหรือยุโรป เนื่องจากทำให้ราคาแพ็กเกจเที่ยวไทยสูงตามไปด้วย

“ตอนนี้ค่าเงินบาทแข็งที่สุดในภูมิภาค การขยับขึ้นของราคาแพ็กเกจทัวร์ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางที่เป็นฐานใหญ่สุด เปรียบเทียบราคากับประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น หากภาครัฐหรือแบงก์ชาติไม่ออกมาตรการอะไรมาดูแล เชื่อว่าจะทำให้ท่องเที่ยวไทยสูญเสียโอกาสและซบยาวต่อเนื่อง”

บริษัททัวร์ชะลอการทำตลาด

ผลกระทบจากเงินบาทแข็งยังทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวชะลอการทำตลาดด้วย เนื่องจากคาดการณ์การขายล่วงหน้ายาก เพราะกำหนดราคาสูงไปก็สู้คู่แข่งไม่ไหว หากกำหนดต่ำไปก็เสี่ยงต่อการขาดทุน ซึ่งที่ผ่านมาทางแอตต้าก็ได้รายงานปัญหาไปยังการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แล้ว

สอดรับกับแหล่งข่าวในธุรกิจนำเที่ยวรายหนึ่งที่ยืนยันว่า ขณะนี้มีบริษัทนำเที่ยวทั้งตลาดเอาต์บาวนด์และอินบาวนด์บางส่วนที่หยุดทำตลาด เพราะขาดทุนจากคาดการณ์ตลาดผิดพลาด

ททท.ยอมรับบาทแข็งป่วน

ขณะที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า กลุ่มอินบาวนด์ที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญคือ นักท่องเที่ยวยุโรป ซึ่งมีต้นทุนการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุดเอเย่นต์ทัวร์จากฝั่งยุโรปขอปรับขึ้นค่าบริการทัวร์ไทยราว 10-20% เมื่อรวมกับปัจจัยอื่น อาทิ สภาพอากาศร้อน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงทำให้นักท่องเที่ยวยุโรปเดินทางมาไทยมีจำนวนลดลง

สำหรับกลุ่มเอาต์บาวนด์ ขณะนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางออกไปท่องเที่ยวนอกประเทศมากขึ้นจริง แต่เชื่อว่าไม่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางเที่ยวในประเทศลดน้อยลงแต่อย่างใด

เช่นเดียวกับนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ประเมินว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นภาวะชั่วคราว เนื่องจากช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นของการท่องเที่ยวไทย ขณะที่ตลาดไทยเที่ยวไทยก็ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น

“เวลาแบบนี้เราควรมาสำรวจและเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง โดยเฉพาะในด้านระบบคมนาคมขนส่งนักท่องเที่ยวให้กระจายออกไปสู่เมืองรอง เพราะวันนี้ยังถือว่าประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวของไทยยังแน่นมาก ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน แหล่งท่องเที่ยวในเมืองหลัก ฯลฯ ที่สำคัญควรหันมามุ่งกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เลิกมองในเชิงปริมาณเหมือนในอดีตได้แล้ว”

 

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลยพิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat 

หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!