ททท.เปิดยุทธศาสตร์ปี 2020 Go Quality หนุนเติบโต “มั่นคง”

ปรากฏการณ์การชะลอตัวอย่างชัดเจนของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ คือ จุดย้ำเตือนถึงความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น ผู้ประกอบการท่องเที่ยวและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงต้องปรับโหมดให้พร้อมสำหรับตั้งรับไว้ตลอดเวลา

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) บอกว่า จากความไม่แน่นอนมากมายนับตั้งแต่วิกฤตการณ์เรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ในเดือนตุลาคม 2561 จนถึงอาการระส่ำของสถานการณ์โลกในครึ่งปีแรกของปี 2562 ที่ผ่านมา ได้ตอกย้ำความสำคัญของการบริหารความเสี่ยงที่ต้องพึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นอย่างดี

ในปีงบประมาณ 2563 ททท.จึงเตรียมพร้อมที่จะทำงานภายใต้ความไม่แน่นอน โดยเปลี่ยนยุทธศาสตร์จากเติบโตอย่าง “รวดเร็ว” สู่การเติบโตอย่าง “มั่นคง” (From make it fast to make it last)

โดย “ยุทธศักดิ์” ประเมินว่า รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจะไม่ขยายตัวในระดับ กว่า 10% เหมือนที่ผ่านมาแต่ ททท.จะมุ่งบริหารจัดการให้การท่องเที่ยวไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มั่นคง และเพียงพอที่จะไปสู่เป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในเรื่องการสร้างความสามารถในการแข่งขัน

ซึ่งเกณฑ์การชี้วัดในช่วง 5 ปีแรกระบุว่า รายได้จากการท่องเที่ยวของไทยจะต้องไม่ต่ำกว่า 4 ล้านล้านบาท และเป็นประเทศที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวสูงสุด 1 ใน 5 ของโลก

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้อัตราการเติบโตของรายได้รวมการท่องเที่ยวเฉลี่ยเป็นไปตามแผนวิสาหกิจ ททท.จะยังคงเป้าหมายให้แผนปฏิบัติการประจำปี 2563มีรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี คิดเป็นรายได้รวม 3.72 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ จากรายงาน Global Economic Perspectives ฉบับเดือนมิถุนายน 2019 ของ World Bank ระบุว่า real GDP ของโลกจะติดลบในปี 2562-2563 และมีข้อจำกัดภายในประเทศ เช่น คุณภาพในการรองรับนักท่องเที่ยว การขาดการบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปมีอัตราเติบโตในระดับต่ำ หรือคิดเป็นปีละ 3% และนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้ามาในไทย ยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลาง-ล่าง นักท่องเที่ยวกลุ่ม high-end ที่มีรายได้มากกว่า 60,000 เหรียญสหรัฐต่อปี มีสัดส่วนเพียง 13% และมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง 2.1% ต่อปีเท่านั้น

ดังนั้น ททท.จึงกำหนดทิศทางของแผนปฏิบัติการประจำปี 2563 ไว้ว่า จะมุ่งเพิ่มรายได้ควบคู่กับการพัฒนาความยั่งยืนทางการท่องเที่ยว โดยเน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดี ซึ่งจะเป็นการส่งมอบประสบการณ์เฉพาะของท้องถิ่น ที่ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ผ่านการตลาดและประชาสัมพันธ์ พร้อมการพัฒนาข้อมูลเชิงลึกและการเข้าไปมีส่วนร่วมในห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

โดยแนวทางการทำงานของ ททท.จะชู “More Local Go Quality” เน้นย้ำบทบาทการท่องเที่ยวให้เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ โดยด้านตลาดในประเทศจะคงเป้าหมายในการรักษาสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวในประเทศไว้ที่ 33% พร้อมกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองมากขึ้น

ส่วนตลาดต่างประเทศจะมุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะที่มีการใช้จ่ายสูงอย่างเข้มข้น (distinct segments) เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อทริปให้สูงขึ้น รวมถึงจับมือกับพันธมิตรกับเอเย่นต์ท่องเที่ยวออนไลน์ (OTAs) และการเพิ่มระบบดูแลหลังการขาย เพื่อรักษาฐานนักท่องเที่ยวคุณภาพในระยะยาว

พร้อมกับนำเสนอการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ให้กับนักท่องเที่ยว และไม่เน้นการทำกลยุทธ์ด้านราคา

โดยการทำงานทั้งหมดในปี 2563 จะอยู่บนฐานของ 5 go ได้แก่ 1.go local ส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองรองต่อเนื่อง 2.go high มุ่งเน้นทำตลาดท่องเที่ยวคุณภาพที่หมายรวมถึงตลาดลักเซอรี่และนิชมาร์เก็ต 3.go new กระจายการท่องเที่ยวออกไปทั่วโลกในเมืองชั้นที่ 2 พร้อมหานักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ 4.go low ส่งเสริมการท่องเที่ยวนอกฤดูการท่องเที่ยว เพื่อหลีกเลี่ยงความแออัด และ 5.go digital เพิ่มการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยในการทำงาน

ทั้งหมดนี้ถือเป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทการท่องเที่ยวในการเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับสร้างรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป