“ไทยแอร์เอเชีย”ลุยF&B ผนึกเชนดัง-ปั้นเมนูฮิต

“ไทยแอร์เอเชีย” ปักหมุดกลยุทธ์หมุนเวียนอาหาร เปิดเมนูใหม่เอาใจผู้โดยสารทุกไตรมาส ปลื้มชานมไข่มุกขายดีโตทะลุ 460% ยันเป้าปีนี้เติบโต 20% เตรียมจับมือเชนอาหารคาวไทย-เทศ ดันรายการยอดฮิตขึ้นพรีบุ๊กกิ้งรับดีมานด์ผู้โดยสาร

นางสาวอรอนงค์ เมธาพิพัฒนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าและบริการบนเครื่องบิน สายการบินไทยแอร์เอเชีย เปิดเผยว่า สายการบินเล็งเห็นว่ารายได้จากบริการเสริมต่าง ๆ เป็นส่วนสำคัญของการผลักดันรายได้โดยรวมให้กับสายการบิน โดยปัจจุบันรายได้เสริมต่าง ๆ คิดเป็นกว่า 19% ของรายได้ทั้งหมดของบริษัท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายสินค้าบนเครื่องบินซึ่งหมายรวมถึงสินค้าที่ระลึก สินค้าดิวตี้ฟรี อาหาร และเครื่องดื่มประมาณ 7% จากรายได้กว่า 4 หมื่นล้านบาทของบริษัท

ไทยแอร์เอเชียจึงเลือกใช้กลยุทธ์หมุนเวียนเมนูอาหารในทุกไตรมาสตามคอนเซ็ปต์พิเศษที่แตกต่างกัน เพื่อนำเสนอตัวเลือกใหม่ให้กับผู้โดยสาร โดยในปี 2562 ที่ผ่านมาสายการบินได้นำเสนอเมนูใหม่ที่ได้รับการตอบรับจากผู้โดยสารดีเยี่ยมอย่างชานมไข่มุกสูตรเฉพาะของสายการบินและชีสเค้กหน้าไหม้จากแบรนด์อาฟเตอร์ยู โดยชานมไข่มุกมียอดขายประมาณ 26,000 แก้วต่อเดือนหรือเติบโตกว่า 460% เมื่อเทียบยอดขายของเครื่องดื่มรสหวานที่มียอดขายเฉลี่ย 2,000-4,000 แก้วต่อเดือน

จากผลตอบรับดังกล่าวทำให้พบว่าสินค้าใหม่ ๆ ที่แตกต่างได้รับความนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างดี ดังนั้นสายการบินจึงเตรียมที่จะผลัดเปลี่ยนเมนูใหม่ ๆ มานำเสนอให้กับลูกค้าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้หรือในเดือนตุลาคม-ธันวาคมที่จะถึงนี้มีแผนนำเสนอเมนูอาหารภายใต้แนวคิด “ไทย สตรีท ฟู้ด” 3 เมนู ได้แก่ ผัดไทยสูตรโบราณห่อไข่, อาฟเตอร์ยูขนมปังสังขยาไข่เค็ม และช็อกโกแลต

โดยคาดการณ์ว่าอาหารคาวและหวานทั้ง 2 ชนิดจะมียอดขายประมาณ 3,000-4,000 กล่องต่อเดือน ขณะที่ชาไทยไข่มุกบุกตั้งเป้าทำยอดขายใกล้เคียงกับชานมไข่มุกหรือวางเป้าหมายไว้ที่ 25,000 แก้วต่อเดือนในไตรมาส 4 นี้ โดยเชื่อว่าเมนูใหม่ทั้ง 3 เมนูที่ตอบโจทย์รสชาติของทั้งลูกค้าไทยและต่างชาติ รวมถึงมีราคาจับต้องได้จะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังเตรียมที่จะอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าโดยการนำเมนูยอดนิยมขึ้นสู่พื้นที่จองอาหารล่วงหน้า เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถเลือกจองอาหารได้ก่อนและไม่ต้องลุ้นว่าจะได้รับประทานหรือไม่ในเที่ยวบินนี้

อย่างไรก็ตามแม้จะมียอดขายเมนูใหม่บนเครื่องบินในปีนี้สูงทะลุเป้าหมายที่วางไว้ แต่คาดว่ารายได้จากอาหารและเครื่องดื่มในปีนี้จะเติบโตประมาณ 20% เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าปีก่อนที่เติบโต 29% สาเหตุมาจากจำนวนผู้โดยสารจากตั๋วภาครัฐที่จะมีการจองอาหารรวมไปในตั๋วด้วย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 30% ของรายได้ค่าอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดมีการชะลอตัว 4 เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน-กรกฎาคมที่ผ่านมา

นางสาวอรอนงค์กล่าวว่า สำหรับในปี 2563 ไทยแอร์เอเชียตั้งเป้าที่จะทำรายได้จากอาหารและเครื่องดื่มเติบโตประมาณ 20% เช่นเดียวกับปีนี้ พร้อมเตรียมจับมือพันธมิตรแบรนด์อาหารคาวชื่อดัง 2 ราย ทั้งไทยและต่างชาติ ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 4 ของปีหน้า เพื่อนำเสนออาหารเมนูใหม่ ๆ ให้กับผู้โดยสารบนเครื่องต่อไป

“เที่ยวบินกว่า 70% จากกว่า 370 เที่ยวบินต่อวันของไทยแอร์เอเชียเป็นเที่ยวบินในประเทศที่มีระยะเวลาการเดินทางสั้น ผู้โดยสารส่วนใหญ่จึงไม่ต้องการทานอาหารมื้อหนักบนเครื่อง ไทยแอร์เอเชียจึงนำตรงนี้มาแก้โจทย์ เสนอเมนูอาหารที่ตื่นตาตื่นใจและไม่สามารถหาทานได้จากข้างล่าง พร้อมปรับปรุงรสชาติให้อร่อยและมีราคาจับต้องได้ เพื่อเปลี่ยนมุมมองของผู้โดยสารต่ออาหารบนเที่ยวบินและกระตุ้นให้ผู้โดยสารเลือกจับจ่ายอาหารในเที่ยวบินเพิ่มเติมอีก” นางสาวอรอนงค์กล่าว