หลังการปิดปรับปรุงส่วนที่ต้องได้รับความเสียหายจากไฟไหม้และถือโอกาสรีโนเวทตามแผนตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ในเดือนธันวาคมที่กำลังจะถึงนี้รีสอร์ทเลื่องชื่อแห่งหมู่เกาะมัลดีฟส์ “กิลิ ลังกันฟูชิ” ก็กำลังจะกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง พร้อมเดินหน้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไทย
“แองเจลีน โลห์” ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารการตลาด เอชพีแอล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต ผู้บริหารกิลิ ลังกันฟูชิ มัลดีฟส์ อธิบายว่า การเปิดให้บริการอีกครั้งของ “กิลิ ลังกันฟูชิ มัลดีฟส์” ที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังการปิดชั่วคราวเพื่อปรับปรุงพื้นที่ตามแผนของรีสอร์ทครั้งนี้ บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถผลักดันอัตราการเข้าพักในปีแรกหลังกลับมาเปิดให้บริการให้ถึง 80-85%
ที่ผ่านมากลุ่มลูกค้าของ “กิลิ ลังกันฟูชิ มัลดีฟส์” เป็นแขกจากสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกามากที่สุด รวมกันมากกว่า 25% รองลงมาเป็นผู้เข้าพักจากเยอรมัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย แต่ในปีหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้ รีสอร์ทวางแผนที่จะทำตลาดในพื้นที่อื่นๆ ของยุโรป เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในภาวะที่ตลาดสำคัญอย่างสหราชอาณาจักรไม่ได้มีสภาวะเศรษฐกิจเป็นบวก อาทิ สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส รวมถึงตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยโฟกัสที่ประเทศที่มีศักยภาพอย่างไทยก่อน
ส่วนตลาดใหญ่อย่างจีน รีสอร์ทก็พอมีลูกค้าอยู่อยู่บ้าง เพียงแต่ด้วยไลฟ์สไตล์และการตกแต่งพื้นที่อาจจะไม่ได้ตรงกับความชื่นชอบของนักท่องเที่ยวจีนมากนัก ทำให้ลูกค้าจีนไม่ใช่ตลาดหลักของรีสอร์ท ในขณะเดียวกันที่ผ่านมารีสอร์ทมีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยบ้างประปราย แต่เล็งเห็นถึงศักยภาพที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องของตลาดไทยจากการเปิดเที่ยวบินตรงของสายการบิน โดยเอชพีแอล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต ตั้งเป้าจะดันไทยขึ้นเป็นหนึ่งใน 5 ตลาดสำคัญให้ได้ในเร็ววัน
โดยกลุ่มเป้าหมายในตลาดไทยประกอบด้วยกลุ่มครอบครัว คู่รัก คู่ฮันนีมูน ฯลฯ ที่มีโปรไฟล์ระดับสูงและต้องการใช้วันพักผ่อนสบายๆ ในมัลดีฟส์ได้อย่างสงบและปลอดภัย แตกต่างจากการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแม้เศรษฐกิจไทยจะไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่เป็นบวกมากนัก แต่ตลาดไทยยังคงมีศักยภาพในการส่งนักท่องเที่ยวสู่พื้นที่มัลดีฟส์ เนื่องจากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นนักท่องเที่ยวเฉพาะที่ยังคงออกเดินทางอยู่เรื่อยๆ ไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาโดยตรงต่อตลาด
“สำหรับเอชพีแอล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต มีกลุ่มโรงแรมในเครือหลายแบรนด์ย่อย เพื่อสร้างสมดุลระหว่างรายได้จากแบรนด์ต่างๆ ให้เหมาะสมและลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดจากตลาดใดตลาดหนึ่ง โดยกลุ่มตลาดสำคัญของกรุ๊ป ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ไทย ญี่ปุ่น และประเทศในภูมิภาคยุโรป”
ด้าน “แทมมี่ กาน” ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารการตลาดกิลิ ลังกันฟูชิ มัลดีฟส์ เผยว่า การเปิดให้บริการครั้งใหม่ของรีสอร์ทมาพร้อมคอนเซ็ปต์การออกแบบแนวใหม่ที่คงไว้ซึ่งความเรียบง่ายและเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในระดับไฮเอนด์ โดยนำเสนอห้องพักแบบวิลล่าที่ได้รับการตกแต่งใหม่ทั้งหมด 45 หลัง
รวมถึงเสนอห้องพักแบบไพรเวตรีเสิร์ฟ ห้องพักเหนือน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกกว่า 1,700 ตารางเมตร ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากฝั่ง 500 เมตร ซึ่งมาพร้อมห้องนอนขนาดใหญ่พิเศษ 4 ห้อง ห้องชมภาพยนตร์ส่วนตัวแบบเปิดโล่ง ห้องสปาส่วนตัว ห้องออกกำลังกายปรับอากาศ สระว่ายน้ำแบบอินฟินิตี้พูล และสไลเดอร์ 2 ชั้นที่ทอดตัวลงสู่ลากูน การตกแต่งจะเน้นการใช้โทนสีธรรมชาติและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจะใช้ของที่ถูกผลิตใหม่จากแรงงานช่างฝีมือในท้องถิ่น เน้นการใช้วัสดุอัพไซเคิลหลายชนิด
นอกจากนั้น ในครั้งนี้ กิลิ ลังกันฟูชิ ได้นำเสนอโปรแกรมการดูแลสุขภาพรูปแบบใหม่หลากหลายโปรแกรม อาทิ โปรแกรมโฮลิสติก ฮีลลิ่ง (Holistic Healing) แผนการดูแลสุขภาพแบบ 5 คืน สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพร่างกายและรักษาความอ่อนวัย โปรแกรม ไดฟ์ แอนด์ ดิสคัฟเวอร์ (Dive & Discover) หลักสูตรสอนดำน้ำ 5 วัน โปรแกรม เซิร์ฟ แอนด์ สปา (Surf & Spa) โปรแกรมกิจกรรม 4 คืนสำหรับนักกีฬาที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมและพร้อมสำรวจโลกใหม่ด้วยใจที่มุ่งมั่น ฯลฯ ทั้งนี้ อัตราค่าห้องพักของ กิลิ ลังกันฟูชิ เริ่มต้นที่ 1,440 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 43,000 ต่อคืน สำหรับผู้เข้าพัก 2 ท่าน