“ทราเวลโลก้า” รุกไลฟ์สไตล์แบรนด์กินรวบทุกกิจกรรม

“ทราเวลโลก้า” ตั้งเป้าเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์ มุ่งโฟกัสเซ็กเมนต์ไลฟ์สไตล์ หวังเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการทุกกิจกรรม เพิ่มประสบการณ์ใหม่ทั่วเซาท์อีสต์เอเชีย

นายเฮนรี่ เฮนดราวัน ประธานบริหารทราเวลโลก้ากรุ๊ป เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายสำหรับปี 2563 นี้ว่า บริษัทมีแผนขยายการให้บริการและโฟกัสการทำงานในกลุ่มไลฟ์สไตล์หรือ Traveloka Xperience มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้บริการในเวลาที่ไม่ได้เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ แต่เป็นเวลาที่ผู้ใช้บริการอยู่ในประเทศและมองหากิจกรรมที่จะทำในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

นายเฮนรี่กล่าวว่า แม้ปัจจุบันการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องทั่วภูมิภาคจากการขยายตัวของกลุ่มชนชั้นกลางที่เลือกท่องเที่ยวด้วยตนเอง และเป็นกลุ่มขนาดเล็กที่ประกอบด้วยเพื่อนและครอบครัวมากขึ้น แต่บริษัทซึ่งเป็นออนไลน์ แทรเวล เอเย่นต์เดียวที่มีตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดผู้ใช้หลัก จึงพยายามที่จะปิดช่องว่างและตอบโจทย์ลูกค้าหลักด้วยการเสนอผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ที่จะทำให้ทราเวลโลก้าเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มการท่องเที่ยว

“ขณะนี้ทราเวลโลก้าในประเทศอินโดนีเซียเป็นมากกว่าแค่แพลตฟอร์มทางด้านการท่องเที่ยวแล้ว แต่เป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์ในการเสนอกิจกรรมวันหยุดสุดสัปดาห์และวันธรรมดา ๆ ที่หลากหลายให้กับผู้ใช้ ตั้งแต่กิจกรรมดูหนัง เที่ยวสวนน้ำ ชมพิพิธภัณฑ์ หรือออกไปนวดคลายเครียด โดยเราหวังว่าจะสามารถขยายบริการด้านประสบการณ์ในประเทศอื่น ๆทั่วภูมิภาคได้เช่นเดียวกัน เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการให้บริการสินค้าด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ และดึงผู้ใช้ให้เข้ามาใช้บริการและมีปฏิสัมพันธ์ในแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง” นายเฮนรี่กล่าว

ด้านนายธีร์ ฉายากุล ผู้บริหารทราเวลโลก้า ประเทศไทย กล่าวว่า ทราเวลโลก้าเริ่มให้บริการในอินโดนีเซีย ตั้งแต่ปี 2555 ก่อนจะขยายบริการไปยังประเทศต่าง ๆ 7 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเข้ามาในไทยในปี 2558 ปัจจุบันมีจำนวนผู้ใช้บริการที่แอ็กทีฟอยู่กว่า 40 ล้านบัญชี และมีจำนวนการดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่นมากกว่า 50 ล้านครั้ง รวมถึงมีจำนวนการจองมากกว่า 500,000 ครั้งต่อวัน ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มด้านการจองโรงแรม ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และบริการด้านการท่องเที่ยวอันดับ 1 ในภูมิภาคอย่างแน่นอนแล้ว

ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้เร่งขยายประเภทการให้บริการออกไปมากกว่า 10 ประเภท ตั้งแต่โรงแรมที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ยานพาหนะ อาหาร ฯลฯ และได้เปิดให้บริการ Traveloka Xperience ในไทย เมื่อกลางปีที่ผ่านมา สำหรับจองบริการด้านประสบการณ์ต่าง ๆ อาทิ สวนน้ำ พิพิธภัณฑ์ สปา ฯลฯ

โดยปัจจุบันแพลตฟอร์มมีจำนวนกิจกรรมมากกว่า 20,000 โปรดักต์ ใน 300 จุดหมายปลายทางทั่วโลกประกอบกับทราเวลโลก้าเล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของการให้บริการด้านประสบการณ์ในไทย เนื่องจากคนไทยใช้เวลากับการเข้าอินเทอร์เน็ตบนมือถือสูงเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาค และมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตมากกว่า 50 ล้านคน โดยมีมูลค่าทางเศรษฐกิจบนอินเทอร์เน็ตทางด้านการจองสถานที่พักและตั๋วเครื่องบินมูลค่ามากกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ จึงได้เตรียมขยายบริการด้านประสบการณ์ในไทย เพื่อขยับบาลานซ์สู่ธุรกิจไลฟ์สไตล์มากยิ่งขึ้น

“ล่าสุดทราเวลโลก้าได้จับมือกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการให้บริการ Traveloka Xperience เปิดเซ็กชั่น movie เพื่อทำตลาดกลุ่มคนไทยที่ต้องการใช้เวลาในช่วงวันหยุดกับครอบครัวและเพื่อน ๆ ผ่านการดูหนัง โดยหวังว่าจะสามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้ตลอดเวลามากขึ้น และมีผลพลอยได้เป็นรายได้และการใช้งานที่สม่ำเสมอมากกว่าการให้บริการด้านการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว”

นายธีร์ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า การท่องเที่ยวไทยยังคงเติบโต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ บนโลกออนไลน์ อาทิ กิจกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยเชื่อว่าจากนี้ไปอีก 6 ปีจะเติบโตแน่นอนอย่างน้อย 3 เท่า ทำให้ทราเวลโลก้าไม่มีความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการแต่อย่างใด


และในฤดูกาลท่องเที่ยวนี้คนไทยยังคงเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ แม้จะมีความกังวลเรื่องกำลังซื้อ แต่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าก็ทำให้คนไทยตัดสินใจออกเดินทางต่างประเทศง่ายขึ้น