“โอโย” เชน รร.อินเดียบุก ลั่นขึ้นผู้นำโลก

“โอโย กรุ๊ป” เชนยักษ์อินเดียบุกอุตฯโรงแรม เผยแค่ 8 เดือนเปิดให้บริการไปแล้ว 250 แห่ง รวมกว่า 8 พันห้องพัก ใน 13 หัวเมืองใหญ่ หนุนจำนวนห้องพักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทะลุ 2 ล้านห้องได้ในอีก 6 ปีข้างหน้า พร้อมก้าวขึ้นผู้นำด้านการให้บริการโรงแรมระดับโลก

นายมัณดา ไวดิย่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง และนายอชูโตช สิงห์ ผู้อำนวยการบริหารประจำประเทศไทย กลุ่มบริษัทโอโย โฮเทลส์ แอนด์ โฮมส์ (OYO Hotels and Homes) เครือข่ายธุรกิจโรงแรมระดับโลกร่วมกัน เปิดเผยว่า บริษัทได้ขยายฐานตลาดจากอินเดียเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัจจุบันมีเครือข่ายของโอโยอยู่ 4 ประเทศทั่วภูมิภาค ทั้งในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ล่าสุดได้มาลงุทนในประเทศไทยแล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

มัณดา ไวดิย่า

นายมัณดา กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะเป็นตลาดใหม่สำหรับโอโย แต่ด้วยศักยภาพทางด้านการท่องเที่ยวและธุรกิจการบริการ (hospitality) ของประเทศไทย จึงมั่นใจว่าไทยจะเป็นตลาดสำคัญและส่งผลต่อการเติบโตทางธุรกิจของโอโยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยหลังจากเข้ามาทำธุรกิจกับโฮเทลพาร์ตเนอร์ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันโอโยมีโรงแรมในไทย 250 แห่ง รวมกว่า 8,000 ห้องพักใน 13 หัวเมืองใหญ่ อาทิ พัทยา หัวหิน ฯลฯ ที่เปิดให้บริการแล้ว

ทั้งนี้ เชื่อว่าการขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศไทยจะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการขยายพอร์ตธุรกิจ และทำให้มีจำนวนห้องพักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เกินกว่า 2 ล้านห้องภายในปี 2568 หรือในอีก 6 ปีข้างหน้า เพื่อก้าวขึ้นสู่ผู้นำด้านการให้บริการโรงแรมระดับโลกจากปัจจุบันที่มีเครือข่ายธุรกิจโรงแรม บ้านพัก คอนโดฯ และพื้นที่ใหญ่เป็นลำดับ2 ของโลก

“จุดขายของเรา คือ การให้บริการห้องพักที่สวย ทันสมัย สะดวกสบาย โลเกชั่นดี ในราคาที่เข้าถึงได้ โดยโรงแรมในแฟรนไชส์ของโอโยจะผ่านการปรับปรุงคุณภาพของอสังหาริมทรัพย์ให้ได้ตามมาตรฐาน เพื่อทำตลาดนักท่องเที่ยวท้องถิ่นที่มีรายได้ปานกลางให้สามารถเข้าถึงที่พักได้ ซึ่งเล็งเห็นดีมานด์จากตลาดนี้อย่างชัดเจน และเชื่อว่าน่าจะขยายตัวขึ้นได้อีก”

นายมัณดา กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันโอโยมีจำนวนโรงแรมที่เป็นเจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์เองแค่เพียง 10-15% จากจำนวนโรงแรมกว่า 2,500 แห่ง รวม 1.2 ล้านห้อง ใน 160 เมืองทั่วโลก อีกประมาณ 85-90% ที่เหลือเป็นโมเดลธุรกิจแบบแฟรนไชส์ที่ร่วมกับ “โฮเทลพาร์ตเนอร์” ในการเปิดให้บริการ โดยมีโฮเทลพาร์ตเนอร์เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ และโอโยเป็นเจ้าของแบรนด์และเทคโนโลยีในการจัดการและการทำตลาด ส่วนในประเทศไทยโรงแรมทั้งหมด 250 โรงแรม เป็นโรงแรมในโมเดลแฟรนไชส์

ด้านนายอชูโตช กล่าวเพิ่มเติมว่า ปกติบริษัทจะมุ่งเน้นที่จะทำสัญญาระยะยาว 15-20 ปีกับโฮเทลพาร์ตเนอร์ แต่เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยในการตัดสินใจจึงสามารถยืดหยุ่นระยะสัญญาขนาดสั้นระหว่าง 1-5 ปีได้ โดยโอโยจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่าคอมมิสชั่นจากโฮเทลพาร์ตเนอร์ โดยลักษณะของค่าคอมมิสชั่นจะยืดหยุ่นตามลักษณะของโรงแรมและการลงทุนเพิ่มเติมที่โอโยช่วยทำให้ก่อนการเปิดให้บริการ อาทิ การรีโนเวตห้อง การติดสิ่งอำนวยความสะดวก

อย่างไรก็ตาม โอโยจะไม่กำหนดราคาห้องพักให้ต่ำเพื่อสู้ราคาในตลาด แต่ใช้องค์ประกอบของระบบจัดการฐานข้อมูลคำนวณอัตราค่าห้องพัก เพื่อจะสร้างรายได้สูงสุดให้กับโรงแรม โดยคาดว่าในช่วง 10-12 เดือนหลังจากนี้จะสามารถผลักดันอัตราการเข้าพักและรายได้ให้กับโรงแรมในเครือข่ายให้สามารถเติบโตได้อย่างมากและรวดเร็ว และเชื่อว่าโอกาสของโรงแรมในตลาดที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของโอโยในประเทศไทยมีจำนวนมากกว่า 30,000-50,000 โรงแรม หรือมากกว่า 1,500,000 ห้อง