นกแอร์ดิ้นหนีสงครามราคา รุกสู่พรีเมี่ยมบัดเจตแอร์ไลน์

“นกแอร์” พลิกกลยุทธ์ ! ดิ้นหนีสงครามราคาโลว์คอสต์ เตรียมขยับสู่ “พรีเมี่ยมบัดเจตแอร์ไลน์” เพิ่มที่นั่งพรีเมี่ยม-บิสซิเนสปั้นรายได้เพิ่ม ยันไม่ขาดสภาพคล่องเดินหน้าเปิดเส้นทางใหม่สู่จีน-อินเดีย-ญี่ปุ่น เผยมุ่งเดินตามแผนฟื้นเพิ่มรายได้-ลดรายจ่าย พร้อมใช้เครือข่ายธุรกิจตระกูล “จุฬางกูร” ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นกแอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันสถานการณ์การแข่งขันด้านราคาของสายการบินต้นทุนต่ำ (low cost airline) ดุเดือดมาก และคาดว่าแนวโน้มจะยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น บริษัทจึงเตรียมยกระดับการให้บริการและปรับภาพลักษณ์ของนกแอร์สู่สายการบิน “พรีเมี่ยมบัดเจตแอร์ไลน์” เพื่อสร้างรายได้ต่อที่นั่งและรายได้เสริมที่เพิ่มขึ้น

โดยมองว่าการขยับสู่ “พรีเมี่ยมบัดเจตแอร์ไลน์” จะเป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มรายได้ต่อที่นั่งต่อระยะทาง (ASK) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทประสบความสำเร็จจากการขายที่นั่งแบบนกซูเปอร์ซีต (Nok super seat) หรือขายแบบที่นั่งเว้นที่นั่ง จึงเล็งเห็นถึงดีมานด์ของผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น

“นกแอร์เตรียมเพิ่มที่นั่งผู้โดยสารในกลุ่มชั้นพรีเมี่ยมและชั้นธุรกิจเพิ่มเป็น 20% ของจำนวนที่นั่งทั้งหมดในเที่ยวบิน และมุ่งเจาะตลาดดึงผู้โดยสารจากชั้นประหยัดขึ้นมาบินในชั้นพรีเมี่ยม เพื่อขยับรายได้จากตั๋วโดยสารซึ่งคาดว่าจะเริ่มเห็นภายในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า”

นายวุฒิภูมิกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมุ่งเพิ่มรายได้ในกลุ่มรายได้เสริมด้วยการเพิ่มบริการเสริมต่าง ๆ เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้ามีสัดส่วนรายได้เสริมเพิ่มเป็น 20%ให้ได้ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ราว 12% ต่ำกว่าสายการบินต้นทุนต่ำอื่น ๆ ที่มีสัดส่วนเฉลี่ยอยู่ที่ราว 20-30%

จากปัญหาเรื่องสภาพคล่องในช่วงที่ผ่านมาทำให้ไม่สามารถแข่งขันในตลาดได้ บริษัทจึงได้ตัดสินใจเพิ่มทุนผ่านการกู้ยืมเงินจากผู้ถือหุ้น 3,000 ล้านบาท เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทสามารถเดินหน้าพัฒนาการให้บริการเพื่อฝ่าวิกฤตมาได้ระดับหนึ่ง อาทิ การเช่าเครื่องบินเพิ่ม การปรับตารางบินใหม่ การเพิ่มสินค้าขายบนเครื่องบิน เป็นต้น นอกจากนี้ยังทำให้นกแอร์มีศักยภาพในการขยายเส้นทางบินใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะเส้นทางบินระหว่างประเทศ

โดยในปี 2562 นี้ นกแอร์ได้เปิดเส้นทางใหม่สู่เมืองรองของจีนหลายเมือง อาทิ เมืองอู๋ซี เมืองอี๋อู๋ หรือเมืองกูวาฮาติ ประเทศอินเดีย และกำลังจะเปิดเส้นทางสู่เมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ซึ่งเส้นทางดังกล่าวนี้การแข่งขันไม่สูง รวมถึงมีดีมานด์ทั้งในขาไปและขากลับ โดยในจีนและอินเดียจะเป็นลักษณะของการขายเหมาให้กับเอเย่นต์ และอาจจะมีการนำบางส่วนมาขายเองในบางเส้นทาง ส่วนในญี่ปุ่นเป็นไฟลต์ที่นกแอร์ขายเองทั้งหมด

สำหรับปีหน้า บริษัทยังคงมุ่งเป้าไปที่การขยายเส้นทางใน 3 ประเทศดังกล่าวนี้เป็นหลัก อาทิ เส้นทางสู่เมืองโอกินาวาเมืองทากาชิมา ประเทศญี่ปุ่น และเมืองวิสาขปัตนัม ประเทศอินเดีย ส่วนในเส้นทางจีน มีแผนที่จะเพิ่มจุดหมายปลายทางในไทยให้กับเส้นทางหนานหลิงสู่สนามบินเชียงใหม่และภูเก็ต รวมถึงมีการพิจารณาที่จะเปิดเพิ่มและอยู่ระหว่างศึกษามากกว่า 20 เมือง โดยคาดว่าการขยายเส้นทางระหว่างประเทศจะทำให้สัดส่วนเส้นทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 20% ไปเป็น 30% จากเส้นทางทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงเดินหน้าธุรกิจตามแผนฟื้นฟูธุรกิจอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการบริหารจัดการเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทนกแอร์กล่าวต่อไปว่า ไม่เพียงเท่านี้ บริษัทยังมีแผนผนึกกำลังของนกแอร์เข้ากับอีก 3 อุตสาหกรรมหลักและธุรกิจอื่น ๆ ที่ครอบครัวจุฬางกูรถือหุ้นอยู่ด้วย อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์, การเงิน และอสังหาริมทรัพย์ เพื่อมองหาโอกาสยกระดับการให้บริการของนกแอร์ไปอีกขั้น

โดยขณะนี้ได้ประสานงานกับร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊คที่กลุ่มจุฬางกูรถือหุ้นอยู่ 48% เพื่อให้บริการเคาน์เตอร์บริการของนกแอร์ในร้านซีเอ็ดบุ๊ค 350 สาขาทั่วประเทศ เพื่อให้ผู้โดยสารเข้าถึงการบริการได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าจะเปิดให้บริการระยะแรกที่สาขาในกรุงเทพฯก่อน 10 สาขา จากนั้นจะทยอยเพิ่มให้ครบทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มธุรกิจโรงแรมในการเสนอขายร่วมกับตั๋วเครื่องบินในราคาประหยัด และได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ คาดว่าความร่วมมือดังกล่าวนี้จะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า

“สำหรับปีหน้านี้ เราเชื่อว่าจะสามารถลดการขาดทุนได้มากกว่าปีนี้ และเพิ่มอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ยไปเป็น 85-87% และมีจำนวนผู้โดยสารไม่ต่ำกว่า 10 ล้านคน จาก 7-9 ล้านคนในปีนี้ รวมถึงจะมีรายได้ต่อที่นั่งต่อระยะทางเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ซึ่งปัจจุบันนกแอร์มีจำนวนเครื่องบินทั้งหมด 24 ลำ และจะเพิ่มขึ้นเป็น 26 ลำในปีหน้า หรืออาจจะเพิ่มขึ้นอีกหากบอร์ดอนุมัติการเช่าเครื่องบินเพิ่มเติม พร้อมมีแผนจะขยับเวลาในการใช้เครื่องให้เกิดประโยชน์สูงสุดจาก 11 ชั่วโมง ไปเป็น 12 ชั่วโมง” นายวุฒิภูมิกล่าว