ทัวร์จีน5แสนล้านทรุดยาว 3กระทรวงงัดมาตรการด่วน

ทัวร์จีนส่งสัญญาณทรุดยาว”ท่องเที่ยว-คมนาคม-มหาดไทย” 3 รมต.พรรคภูมิใจไทยจับมือเอกชนถกด่วนระดมไอเดียเร่งกระตุ้น ททท.ชงแผนร้อนสิ้นเดือนนี้ “แอตต้า” เผยตลาดจีนหืดจับ วิกฤตหลายเด้ง เศรษฐกิจจีน-ค่าเงินบาท ลุ้นเป้า 11 ล้านคน เชียงใหม่-ภูเก็ตโหมปลุกไฮซีซั่น
แหล่งข่าวจากบริษัทนำเที่ยวตลาดจีนรายหนึ่งเปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากการชะลอตัวอย่างหนักของตลาดทัวร์จีน นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2561 และตลอดทั้งปีของปี 2562 นี้ ที่ตลาดทัวร์อินบาวนด์ หรือต่างประเทศเที่ยวไทย ยังคงได้รับผลกระทบอย่างหนักจากทั้งเรื่องสงครามการค้า เศรษฐกิจจีน และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ภาพรวมของธุรกิจท่องเที่ยวในปีนี้ไม่สามารถขยายตัวตามเป้าหมายได้ โดยเฉพาะตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีนักท่องเที่ยวสูงสุดเป็นอันดับ 1 ทำรายได้สูงถึง 5.22 แสนล้านบาทในปี 2561 ที่ผ่านมามีแนวโน้มตกลงอย่างชัดเจนในปีนี้

ถกด่วนมาตรการกระตุ้นทัวร์จีน

แหล่งข่าวกล่าวด้วยว่า ภาพรวมการชะลอตัวอย่างหนักของตลาดนักท่องเที่ยวจีนดังกล่าวนี้ ภาคเอกชนท่องเที่ยวทุกเซ็กเตอร์ทั่วประเทศ ทั้งบริษัทนำเที่ยว, โรงแรม, ผู้ให้บริการรถนำเที่ยว ฯลฯ ได้เคยทำข้อสรุปและนำเสนอประเด็นที่อยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ฟรี VOA) เป็นหลัก

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีจาก 3 กระทรวงของพรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เรียกส่วนงานที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้ามาหารือ อาทิ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ฯลฯ เข้าร่วมหารือเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และหามาตรการเพื่อมาช่วยกระตุ้นตลาดจีนโดยเฉพาะแล้ว

ทรุดหนักฟรี VOA เอาไม่อยู่

“ปัญหาใหญ่ของตลาดวันนี้ คือ มาตรการฟรีวีโอเออย่างเดียวกระตุ้นไม่ขึ้น ขณะที่ผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งก็เริ่มถอดใจไม่อยากทำตลาดเพราะขาดทุน เนื่องจากต้นทุนการทำธุรกิจที่พุ่งขึ้นจากค่าเงินบาท หน่วยงานรัฐเองก็ได้รับรู้ปัญหาที่แท้จริงของตลาดทัวร์จีนระดับหนึ่งแล้ว จึงเร่งระดมแนวคิดและหาแนวทางออกมากระตุ้นอย่างเร่งด่วน เพื่อพยุงตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ และตลอดปี 2563 นี้” แหล่งข่าวกล่าว และว่า

โครงการกระตุ้นตลาดด้านการบินและการท่องเที่ยวไทย โดยให้ส่วนลดค่าบริการขึ้นลงอากาศยาน (landing fee) ในอัตราร้อยละ 50 ของอัตราปกติแก่เที่ยวบินเช่าเหมาลำ หรือชาร์เตอร์ไฟลต์ระหว่างประเทศ (international chartered flight) เป็นเวลา 5 เดือน (1 ธันวาคม 2562-30 เมษายน 2563) ของบริษัท ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท. ก็ถือเป็นหนึ่งในมาตรการดังกล่าวนี้ด้วยเช่นกัน แหล่งข่าวกล่าว

ลุ้นรัฐจัดหนักมาตรการใหม่

และว่า สำหรับแนวทางการออกมาตรการกระตุ้นตลาดนั้น ที่ประชุมมีข้อเสนอออกมาหลายมาตรการ อาทิ 1.มาตรการด้านวีซ่า เช่น เร่งผลักดันใช้ e-Visa, ฟรีวีซ่า, double entry visa หรือขอวีซ่า 1 ครั้งใช้สำหรับเดินทางได้ 2 ครั้ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเกิดการเดินทางซ้ำ หรือ multiple visa (วีซ่าที่ใช้งานได้หลายครั้ง) เป็นต้น

2.มาตรการกระตุ้นโดยผ่านบริษัทนำเที่ยว 3.มาตรการอุดหนุนงบประมาณให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว เป็นต้น ซึ่งมาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใด และได้มอบหมายให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ไปศึกษาว่ามีรูปแบบและมาตรการใดบ้างที่ทำได้ มาตรการใดที่ไม่สามารถทำได้ จากนั้นจะนำมาพิจารณาหาข้อสรุปและยื่นขออนุมัติเห็นชอบในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

ททท.เร่งสรุปภายในสิ้นเดือนนี้

ขณะที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ททท.มีหน้าที่หาแนวทางการแก้ไขและการดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปทัวร์คุณภาพกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรึกษาหารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ในภาคส่วนต่าง ๆ อาทิ ผู้ประกอบการนำเที่ยว ผู้ประกอบการรถขนส่ง ฯลฯ ?โดยจะรีบหาข้อสรุปให้กับแพ็กเกจท่องเที่ยวคุณภาพนี้โดยเร็วที่สุด เพื่อให้สามารถใช้ได้ทันภายในปีหน้า

“ตอนนี้เรากำลังทำการศึกษาและเร่งหามาตรการสำหรับกระตุ้นตลาดจีนในส่วนของนักท่องเที่ยวกรุ๊ปทัวร์ที่มีจำนวนน้อยลงอย่างเร่งด่วน ซึ่งคาดว่าจะสรุปแนวทางและมาตรการต่าง ๆ ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และส่งให้ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ และนำเข้าพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป” นายยุทธศักดิ์กล่าว

“แอตต้า” รับหืดจับ

ด้านนายวิชิตประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ภาพรวมตลาดทัวร์จีนสำหรับปีนี้ค่อนเข้างเหนื่อยมาก เพราะภาพรวมไม่ดีมาตั้งแต่กลางปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปัญหาด้านความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง บวกกับปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนมาเที่ยวประเทศไทยของนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกับผู้ประกอบการทัวร์จีนเองก็มีต้นทุนที่สูงขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ทำให้มีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งชะลอทำตลาด อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้ถึง 11 ล้านคน ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้

“มาตรการกระตุ้นตลาดจีนหลาย ๆ มาตรการที่คุยกันไปล่าสุดนี้ หากรัฐบาลออกมาช่วยเหลือก็น่าจะมีโอกาสกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวกลับมาเพิ่มขึ้นได้ในปีหน้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีน” นายวิชิตกล่าว

8 เดือนแรกนักท่องเที่ยวติดลบ

จากรายงานของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยว?และกีฬาระบุว่า ในช่วง 8 เดือนแรก(มกราคม-สิงหาคม 2562) ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 26.56 ล้านคน เติบโตเพิ่มขึ้น 2.83% สร้างรายได้ 1.289 ล้านล้านบาท ในจำนวนนี้นักท่องเที่ยวจีนจำนวน 7.66 ล้านคน ติดลบ 0.79% สร้างรายได้ 3.81 แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 1.63%

เชียงใหม่-ภูเก็ตโหมปลุกไฮซีซั่น

นางปริษา ปานพรหม ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาไม่ได้ลดลงมากนัก แต่เติบโตลดลงเล็กน้อย กระตุ้นการท่องเที่ยวให้มีความต่อเนื่อง 15 ภาคีเครือข่ายรัฐและเอกชนได้ร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวหลากหลายรูปแบบ ผลักดันจังหวัดเชียงใหม่สู่เมืองกีฬา (sport city) จัดกิจกรรมกีฬาหลาย ๆ ด้าน อาทิ การแข่งขันปั่นจักรยาน การแข่งวิ่ง กีฬากอล์ฟ โดยในช่วงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562-เดือนมกราคม 2563 มีกิจกรรมการแข่งขันวิ่งมากถึง 57 รายการ

เช่นเดียวกับ นางกนกกิตติกา กฤตย์วุฒิกร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต กล่าวเสริมว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวของภูเก็ตในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-กันยายน) เท่ากับปีที่ผ่านมา หรือประมาณ 10.66 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ภูเก็ตยังคงเดินหน้ากิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยวปีนี้อย่างต่อเนื่อง อาทิ งานลากูน่าไตรกีฬา 23-24 พฤศจิกายน, งานแบรนด์ดังภูเก็ต 2019 วันที่ 23-24 พฤศจิกายน, งานภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า 30 พฤศจิกายน-7 ธันวาคม, งานเคานต์ดาวน์ป่าตอง 27-31 ธันวาคม เป็นต้น


นอกจากนี้ ภูเก็ตยังมีสินค้าใหม่ทางการท่องเที่ยวที่ทำให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้น เช่น บลูทรี ที่เชิงทะเล, คาร์นิวัลเมจิค ที่กมลา (ภูเก็ตแฟนตาซี), อันดาซี อควาเรีย (เซ็นทรัลฟลอเรสต้า) รวมทั้งกิจกรรมที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกจำนวนมาก