หวั่น! “ทัวร์ไต้หวัน” สะดุด “วีซ่าใหม่” ทุบมู้ดนักท่องเที่ยว

จากปัจจัยลบที่รุมเร้ามาต่อเนื่องตลอดทั้งปี โดยเฉพาะเรื่องค่าเงินบาทและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยสำหรับปีนี้ดูจะไม่คึกคักหวือหวาอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้เมื่อต้นปีนัก


และต้องยอมรับว่าตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับ 1 ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว10.5 ล้านคน (ปี 2561) สร้างรายได้เข้าปะเทศกว่า 5.2 แสนล้านบาทถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยนั้นปีนี้กลายเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่ลดลงอย่างชัดเจน โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม-สิงหาคม 2562) จำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังติดลบ 0.79% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่รัฐบาลไทยรวมถึงภาคเอกชนท่องเที่ยวต่างเร่งเครื่องทำการตลาดอย่างหนักในช่วงไฮซีซั่นปลายปีนี้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติ และสามารถปิดตัวเลขจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายภายใต้นโยบายทำการตลาดเชิงรุกนี้ พบว่าตลาดไต้หวันซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตที่ดีมาอย่างต่อเนื่องกำลังประสบปัญหาอีกตลาด

โดยล่าสุดบริษัทเอเย่นต์ทัวร์รายใหญ่ของไต้หวัน ให้ข้อมูลกับ “ประชาชาติธุรกิจ”ว่า สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ กรุงไทเป ไต้หวัน (Thailand Trade and Economic Office, Taipei)ได้ทำเอกสารแจ้งกับเอเย่นต์ทัวร์ในไต้หวันเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยจะทำการปรับเปลี่ยนรูปแบบการยื่นขอวีซ่าจากเดิมที่บริษัทเอเย่นต์ทัวร์และนักท่องเที่ยวทั่วไปยื่นขอวีซ่าได้ที่สำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยเป็นให้ขอผ่านระบบ e-Visa เท่านั้น และจะเริ่มดำเนินการในวันที่ 2 ธันวาคมนี้

พร้อมทั้งระบุว่า นอกจากจะเป็นการแจ้งเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันแล้ว ระบบการยื่นขอวีซ่าใหม่ดังกล่าวนี้ยังทำให้ขั้นตอนกระบวนการในการยื่นขอวีซ่าเข้าประเทศไทยมีความซับซ้อน ยุ่งยากและใช้เวลาดำเนินการที่นานขึ้นกว่าเดิม
ที่สำคัญยังมีแนวโน้มว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกราว 300 ดอลลาร์ไต้หวัน (NT$) ต่อคน

“ปัจจุบันดีมานด์คนไต้หวันที่จะมาเที่ยวประเทศไทยมีจำนวนเยอะมาก แต่เมื่อมาเจอระบบการยื่นขอวีซ่าใหม่ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอตัว เช่นเดียวกับบริษัทเอเย่นต์ทัวร์ที่ส่วนใหญ่ไม่กล้าขายทัวร์เพราะกลัวจะมีความเสียหายเกิดขึ้น เช่น หากเอกสารไม่ครบหรือวีซ่าไม่ผ่านการพิจารณาจะไม่ได้รับเงินค่าธรรมเนียมคืน เป็นต้น” SUNNY LIU ผู้จัดการฝ่ายตลาดเอาต์บาวนด์ บริษัท ตงหนานจำกัด เอเย่นต์ทัวร์เบอร์ 1 ของไต้หวัน ระบุ”สุรวัช อัครวรมาศ” อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) ผู้ดูแลตลาดไต้หวัน กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทางสมาคมรับทราบข้อมูลและรายละเอียดดังกล่าวจากบริษัทเอเย่นต์ทัวร์แล้ว สิ่งที่กังวลคือ เป็นห่วงว่าตลาดไต้หวันซึ่งเป็นตลาดที่จำนวนนักท่องเที่ยวกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะในช่วงที่เป็นไฮซีซั่นปลายปีนี้

“ไต้หวันเป็นประเทศที่มีประชากร 23 ล้านคน มาเที่ยวเมืองไทย 6-7 แสนคนต่อปี ถ้าเทียบสัดส่วนถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพตลาดหนี่ง ที่สำคัญยังเป็นตลาดที่มองภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทยในมุมที่ดี และเริ่มกระจายการท่องเที่ยวไปสู่เมืองรองได้ดีอีกด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้น่าจะส่งผลกระทบถึงความรู้สึกของเอเย่นต์ทัวร์และนักท่องเที่ยวทั่วไป”

“สุรวัช” ยังบอกด้วยว่า สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุด คือ ปัจจุบันการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะญี่ปุ่น เกาหลี ฯลฯ รวมถึงเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม ซึ่งทุกประเทศต่างแข่งขันกันทำตลาดและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางไปเที่ยวได้ง่ายขึ้นทั้งสิ้น โดยปัจจุบันนักท่องเที่ยวไต้หวันสามารถเดินทางไปท่องเที่ยวโดยไม่ต้องขอวีซ่า

ถึง 112 ประเทศทั่วโลก ดังนั้น หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยไปเพิ่มกระบวนการและขั้นตอนให้การเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยยุ่งยากซับซ้อนขึ้นและยังมีแนวโน้มว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนั้นเป็นอะไรที่น่าคิดว่าหากเอเย่นต์ทัวร์ไต้หวันไม่ช่วยทำตลาดขายประเทศไทย ตลาดไต้หวันได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นอีกตลาดหนึ่งแน่นอน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงและเดินทางเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ จากสถิติของกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวไต้หวันเที่ยวไทยในปี 2559 ที่ผ่านมา มีจำนวน 522,273 คน สร้างรายได้ 21,559 ล้านบาท ปี 2560 จำนวน 572,964 คน รายได้ 23,898 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 674,172 คน รายได้ 30,953 ล้านบาท ปี 2562 (มกราคม-สิงหาคม) จำนวน 530,374 คน รายได้ 23,687 ล้านบาท

ขณะที่ “ฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้ข้อมูลว่า ตลาดไต้หวันเป็นตลาดที่มีศักยภาพและยังมีแนวโน้มการขยายตัวดีมาก โดยคาดว่าปีนี้จะมีจำนวนถึงราว 740,000 คน ประเด็นที่เกิดขึ้นและกำลังชุลมุนอยู่ในขณะนี้ ททท.ในฐานะหน่วยงานทำการตลาดได้รับทราบแล้วและมองว่าทางสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทย ณ กรุงไทเป ไต้หวัน มีความปรารถนาดีที่จะเอื้อให้ชาวไต้หวันเดินทางได้สะดวกขึ้นเพียงแต่ว่ามาตรการและระบบที่จะนำมาใช้นั้นยังไม่สมบูรณ์นัก คิดว่าคงใช้เวลาสักระยะในการสื่อสารสร้างความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวและเอเย่นต์ทัวร์ไต้หวัน

กระแสที่เกิดขึ้นนี้จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องติดตามกันว่า 2 ธันวาคมนี้บรรยากาศของนักท่องเที่ยวไต้หวันเที่ยวไทยที่กำลังสดใสจะยังคงสดใสเหมือนที่ผ่านมาหรือไม่…