“ซุปเปอร์พาร์ค” ฟินแลนด์บุก รุกลงทุนธุรกิจธีมปาร์คไทย

สวนสนุกในร่มสัญชาติฟินแลนด์ “ซุปเปอร์พาร์ค” เดินหน้าบุกตลาดไทย เผยลงทุนหลักล้านเหรียญสหรัฐสูงสุดในโลก พร้อมชูจุดเด่นของใหม่-เทคโนโลยีแน่น เน้นเล่นเป็นครอบครัว หวังดูดคนท้องถิ่นจับกลุ่มวอล์กอิน-องค์กร

นายมาร์ค กุมาราสินห์ ประธานกรรมการบริหารซุปเปอร์พาร์คเอเชีย แบรนด์สวนสนุกในร่ม (indoor theme park) สัญชาติฟินแลนด์ เปิดเผยว่า บริษัทเล็งเห็นว่าภูมิภาคเอเชียมีศักยภาพเหมาะสมกับการลงทุนที่สุดในเวลานี้ จึงตัดสินใจขยายการลงทุนในเอเชียจากเฮดควอเตอร์ในฮ่องกงเมื่อปี 2561 สู่จีน สิงคโปร์ มาเลเซียและเตรียมที่จะเปิดให้บริการซุปเปอร์พาร์คแห่งแรกในไทยในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม กรุงเทพฯ

โดยเหตุผลที่เลือกเข้ามาลงทุนในประเทศไทยนั้นเนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพเหมาะสมกับการลงทุนของธุรกิจสวนสนุกในร่ม เนื่องจากคนไทยเป็นคนแอ็กทีฟและชอบที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะกิจกรรมกับครอบครัวที่คนไทยให้ความสำคัญเป็นพิเศษ บวกกับสถานที่ตั้งที่อยู่ในศูนย์การค้ายอดนิยมอย่างไอคอนสยามยังได้รับอานิสงส์จากการเจริญเติบโตของเมืองฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล

นายมาร์คกล่าวด้วยว่า ซุปเปอร์พาร์คไทยแลนด์ เป็นซุปเปอร์พาร์คที่ใช้งบประมาณการลงทุนหลายล้านเหรียญสหรัฐ และถือเป็นซุปเปอร์พาร์คที่มีการลงทุนสูงที่สุดในโลกด้วย เนื่องจาก

ซุปเปอร์พาร์คเลือกที่จะผสานเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้าไปในเครื่องเล่นมากกว่า 27 ชนิดใน 3 โซนหลัก บนพื้นที่ขนาด 4,000 ตารางเมตร ซึ่งใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ประกอบด้วยพื้นที่ 3 โซนหลัก ได้แก่ ดินแดนนักผจญภัย (Adventure Area),สังเวียนเจ้าแห่งเกม (Game Arena) และฟรีสไตล์ฮอลล์ (Freestyle Hall)

“แต่ละโซนจะมีกิจกรรมต่างรูปแบบ ตั้งแต่กิจกรรมเน้นสนุกสนานตื่นเต้น กิจกรรมประเภทเกมแข่งขัน จนไปถึงกิจกรรมฟรีสไตล์ โดยมีหลายกิจกรรมที่มีเฉพาะซุปเปอร์พาร์คประเทศไทยเท่านั้น อาทิ ซุปเปอร์เทนนิส (SuperTennis) ซุปเปอร์คลาม (SuperClimb) หรือซุปเปอร์บิ๊กดร็อป (SuperBigDrop)”

และนอกจากเทคโนโลยีและเครื่องเล่นใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำกับสวนสนุกในร่มอื่น ๆ แล้วจุดแข็งของซุปเปอร์พาร์คที่เป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดขายคือความเป็นสวนสนุกที่ถูกออกแบบมาสำหรับคนทุกเพศทุกวัยและมีเครื่องเล่นกว่า 90% ที่สามารถรองรับผู้เล่นทั้งครอบครัวให้สามารถมาสนุกสนานร่วมกันมากกว่าการเป็นสวนสนุกสำหรับปล่อยเด็กทิ้งไว้ลำพังดังนั้นกลุ่มเป้าหมายของซุปเปอร์พาร์คจึงครอบคลุมตั้งแต่กลุ่มครอบครัว กลุ่มเพื่อน ไปจนถึงการจัดกิจกรรมพิเศษให้กับโรงเรียนหรือองค์กรในรูปแบบ school partyและ team building เพื่อเติมเต็มวอลุ่มในช่วงเวลากลางวันไปจนถึงช่วงเปิดภาคการศึกษาของเด็ก ๆ ซึ่งจะเน้นจับตลาดผู้ใช้บริการท้องถิ่นเป็นหลัก หรือจะต้องมีสัดส่วนมากกว่า 80% เพื่อให้สามารถวางรากฐานธุรกิจในประเทศไทยได้แข็งแกร่ง โดยมีตลาดนักท่องเที่ยวเป็นตลาดรองลงมาในสัดส่วน 20%

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกได้ตั้งเป้าผู้ใช้บริการได้สูงสุด 500-550 คนตลอดทั้งวันโดยจะเน้นทำตลาดผ่านทั้งช่องทางหลักขององค์กร เอเย่นต์ และออนไลน์ ทราเวล เอเย่นต์ (online travel agent : OTA)


ปัจจุบันซุปเปอร์พาร์คมีทั้งหมด 16 สาขาทั่วโลก แบ่งเป็น 10 สาขาในฟินแลนด์ 2 สาขาในจีน และในฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทยแห่งละ 1 สาขา และในปีหน้าซุปเปอร์พาร์คมีแผนที่จะขยายการให้บริการในเอเชียเพิ่มเติมอีก โดยอยู่ระหว่างการศึกษาพื้นที่ในประเทศเกาหลีใต้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอินเดียต่อไป