“กสิกรไทย” คาดการใช้จ่ายนักท่องเที่ยว 9 วันช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่’63 มีมูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท

“กสิกรไทย” คาดช่วง 9 วันของเทศกาลส่งท้านปีเก่าต้อนรับปีใหม่’63 นักท่องเที่ยวทั้งไทย-ต่างชาติมีการใช้จ่ายรวม 8.2 หมื่นล้านบาท ขยายตัว 1.3% ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เติบโต 7.4% เผยผลจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว-ค่าเงินที่ยังแข็งค่า ทำให้นักท่องเที่ยวปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย

​จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย ประเมินว่า บรรยากาศการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติเและไทยเที่ยวในประเทศในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปี 2563 สำหรับปีนี้อาจจะผ่อนแรงลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้จะมองว่านักท่องเที่ยวโดยภาพรวมจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่เป็นการเพิ่มขึ้นเฉพาะบางประเทศ ทั้งนี้ คาดว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2562 ถึง 5 มกราคม 2563 รวม 9 วัน จะมีมูลค่ารวมประมาณ 82,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบกับปีก่อนชะลอลงจากที่เติบโตประมาณ 7.4% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยประเมินว่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและในหลายประเทศที่ชะลอตัว ทำให้นักท่องเที่ยวมีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าที่ส่งผลต่อการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติบางกลุ่ม และยังเป็นการเปรียบเทียบกับฐานที่ตลาดกลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ การเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ อาจจะมีการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เนื่องจากมีการจัดงานขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวในบางพื้นที่อาจจะไม่เป็นดังเช่นปีที่ผ่านมา ดังนั้นในช่วงนี้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวคงจะต้องหันมาทำกิจกรรมการตลาดมากขึ้น เพื่อกระตุ้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ

โดยในส่วนของนักท่องเที่ยวไทยยังคงเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 นี้ แต่การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ โดยคาดว่าในช่วง 9 วัน จะมีมูลค่าประมาณ 28,200 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ตลาดยังพอมีปัจจัยบวกอย่างมาตรการชิมช้อปใช้สำหรับผู้ที่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิไปแล้ว โดยผู้ที่ลงทะเบียน สามารถนำค่าใช้จ่ายจริงจากการเดินทางท่องเที่ยว อาทิ ค่าใช้จ่ายแพ็คเกจท่องเที่ยว ที่พัก ค่าเดินทาง ตั๋วโดยสารเครื่องบินภายในประเทศ และการใช้จ่ายซื้อสินค้ามาขอคืนเงินได้อีก 15% ของค่าใช้จ่ายวงเงิน 30,000 บาทแรก และขอคืนเงินได้อีก 20% ของค่าใช้จ่ายวงเงิน 30,000-50,000 บาท รวมคืนเงินสูงสุด 8,500 บาท โดยภาครัฐได้ขยายเวลาสิ้นสุดไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2563 (สำหรับผู้ลงทะเบียนชิมช้อปใช้เฟส 1 เฟส 2 และเฟส 3)

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมเดินทางท่องเที่ยวในช่วงนี้ ยังคงเป็นการเดินทางไปท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวบนยอดดอยในพื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวต่างๆ และจากรายงานของธุรกิจจองที่พักออนไลน์ (OTAs: Online Travel Agency) พบว่า สถานที่ท่องเที่ยวที่นิยมของนักท่องเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ คือ เชียงใหม่ พัทยา และกรุงเทพฯ

​สำหรับสถานการณ์นักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังให้ความสนใจในการเลือกเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวไทยในช่วงนี้ ด้วยประเทศไทยยังเป็นหนึ่งในจุดหมายท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อันดับต้นของโลก อีกทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชนจัดกิจกรรมนับถอยหลังเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2563 อย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี แม้จะมองว่านักท่องเที่ยวโดยภาพรวมจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น แต่เป็นการเพิ่มขึ้นเฉพาะบางประเทศ โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในช่วงนี้มากเป็นพิเศษจะเป็นนักท่องเที่ยวระยะใกล้จากภูมิภาคเอเชีย อาทิ นักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย เป็นต้น ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปซึ่งเป็นตลาดนักท่องเที่ยวหลักในช่วงนี้ ในภาพรวมน่าจะยังหดตัว ยกเว้นนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย ซึ่งผู้ประกอบการนำเที่ยวรัสเซียได้มีการเพิ่มเที่ยวบินมาประเทศไทยในช่วงฤดูหนาวมากกว่าปีที่ผ่านมา

​สำหรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในช่วง 9 วัน ของเทศกาลปีใหม่นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า อาจมีทิศทางที่ชะลอตัว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่แข็งค่าทำให้นักท่องเที่ยวมีการปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย นอกจากนี้ยังเป็นการเปรียบเทียบกับฐานของตลาดที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าการใช้จ่ายจะมีมูลค่าประมาณ 54,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนี้ ยังประเมินด้วยว่า ในระยะข้างหน้า ธุรกิจท่องเที่ยวยังต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่ท้าทายขึ้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเสี่ยงของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศที่จะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว การแข่งขันในธุรกิจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว เทคโนโลยีที่มีบทบาทในธุรกิจมากขึ้นและการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะแวดล้อมของภูมิอากาศ ปัจจับต่างๆเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจทำให้การวางแผนด้านธุรกิจคงจะต้องมีความระมัดระวังมากขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้กลยุทธ์การตลาดด้านราคาที่อาจจะมีความเข้มข้นขึ้นในการที่จะแย่งชิงฐานลูกค้า ซึ่งผู้ประกอบการคงจะต้องมีการวางแผนบริหารจัดการต้นทุนที่รอบคอบขึ้น