ททท.เขย่าพอร์ตนักท่องเที่ยว เร่งดัน”อินเดีย-อาเซียน”หนุน

แฟ้มภาพ

อุตฯท่องเที่ยวไทยเขย่าพอร์ตนักท่องเที่ยวต่างชาติ ททท.ชี้เทรนด์ “อินเดีย-อาเซียน” โตแรง เร่งปั๊มค่าใช้จ่ายต่อหัว-เพิ่มความถี่การเดินทางเสริมฐานตลาดจีน 5 แสนล้านโตแผ่ว วงในเผย “แอร์ไลน์” โหมเปิดเส้นทางบินใหม่สู่อินเดีย ขณะที่กลุ่มทุนโรงแรมอินเดียขยับ ปูพรมยึดเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยแล้ว พร้อมโหมดันสัดส่วนตลาด “ไทยเที่ยวไทย” ประคองการเติบโต

“อินเดีย” โตแซงทุกตลาด

นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า นักท่องเที่ยวอินเดียเป็นตลาดความหวังใหม่ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในการกระจายตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติออกไปให้หลากหลาย และมีอัตราการเติบโตสูงที่สุดในบรรดานักท่องเที่ยวจากทุกตลาด

จากรายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียกว่า 1.8 ล้านคนเติบโต 26.31% และมีรายได้จากการท่องเที่ยวในระยะ 11 เดือนแรก ทั้งสิ้น 7.76 หมื่นล้านบาท เติบโต 30.11%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

นอกจากนั้น ปัจจุบันค่าใช้จ่ายต่อคนต่อทริปยังขยับสูงขึ้นกว่า 30% หรืออยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นบาท ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีมาก และคาดว่าจบปี 2562 นี้ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียที่เข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากกว่า 1.9 ล้านคน หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 19%

ททท.เร่งโหมตลาด

นายกฤษฎากล่าวว่า ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าสู่ไทยเฉลี่ยวันละ 5,500 คน โดยอัตราบรรทุกผู้โดยสารของเส้นทางอินเดีย-ไทยเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 80% บางช่วงเติบโตถึง 90% สำหรับปีหน้า 2563 นี้ ททท.ยังเชื่อว่านักท่องเที่ยวอินเดียจะยังคงเดินทางและมีจำนวนและรายได้เติบโตอย่างน้อย20% ถือว่าเติบโตสูงที่สุดในทุกตลาด และคาดว่าจะยังเติบโตในระดับนี้ต่อเนื่องได้อีกหลายปี

“ในปี 2563 ททท.เตรียมทำตลาดอินเดียแบบเจาะจงมากขึ้น โดยจะเน้น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ กลุ่มแต่งงาน และกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูง ผ่านการทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตรประเภทต่าง ๆ อาทิ สายการบินบริษัทวางแผนแต่งงาน รวมถึงเตรียมที่จะจัดกิจกรรมการขายและการตลาดในเอเชียใต้ อย่างงาน South Asia Travel and Tour 2020 : SATTE2020 ในวันที่ 8-11 มกราคม 2563 นี้”

“แอร์ไลน์” แห่เปิดเส้นทางใหม่

แหล่งข่าวในธุรกิจสายการบินรายหนึ่งกล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวอินเดีย ทำให้ในปีนี้มีสายการบินหลายแห่งเปิดเส้นทางบินใหม่และเพิ่มเที่ยวบินเข้าสู่อินเดีย อาทิ ไทยแอร์เอเชีย ที่เปิดเส้นทางบินใหม่ 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-อาห์เมดาบาด4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และกรุงเทพฯ-พาราณสี 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมเป็น 8 เส้นทางบิน และยังหาโอกาสขยายเส้นทางบินใหม่ ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง

แนวทางดังกล่าวสอดรับกับสายการบินในกลุ่มไทยกรุ๊ปที่เดินหน้ารุกเข้าสู่อินเดียต่อเนื่อง โดยมีไทยสมายล์บุกเมืองรองต่าง ๆ โดยเปิดเส้นทางบินตรงสู่อินเดียถึง 7 เมือง ได้แก่ คยา, พาราณสี,ชัยปุระ, ลัคเนา, มุมไบ, กัลกัตตา และอาห์เมดาบาด รวมทั้งหมดราว 38 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รวมถึงการบินไทยที่เป็นหัวเรือหลักในการบินสู่เมืองหลักของอินเดีย อย่าง เดลี, มุมไบ, ไฮเดอราบาด, เชนไน, บังคาลอร์ ฯลฯ มากกว่า 50 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

เชน รร.อินเดียรุกลงทุนในไทย

แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า ไม่เพียงแต่สายการบินที่มุ่งหน้าเปิดเส้นทางบินใหม่สู่อินเดีย ผู้ประกอบธุรกิจฮอสพิทาลิตี้จากอินเดียก็เริ่มเข้ามาลงทุนในไทยด้วยเช่นกัน เห็นได้จากแบรนด์ “โอโย” เครือข่ายธุรกิจโรงแรมระดับโลกที่มีฐานอยู่ในอินเดียได้เข้ามาเปิดให้บริการในไทยตั้งแต่เดือนมีนาคม 2562และขยายเครือข่ายไปแล้วกว่า 250 แห่งรวมกว่า 8 พันห้องพัก ใน 13 หัวเมืองใหญ่ของไทย อาทิ พัทยา หัวหิน ฯลฯ ได้ภายในเวลาเพียงแค่ 8 เดือนเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ นายมัณดา ไวดิย่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลาง กลุ่มบริษัทโอโย โฮเทลส์ แอนด์ โฮมส์ เปิดเผยว่าไทยจะเป็นตลาดสำคัญและส่งผลต่อการเติบโตทางธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าการขยายธุรกิจ โดยมีห้องพักในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 2 ล้านห้องในปี 2568 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า

“อาเซียน” โตทะลุ 10 ล้านคน

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ให้สัมภาษณ์้ก่อนหน้านี้ว่า โครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะเริ่มเปลี่ยนไป โดยสัดส่วนตลาดจีนที่เคยมีส่วนแบ่งเกือบ 30% จะลดลง โดยคาดว่านักท่องเที่ยวอินเดียและภูมิภาคอาเซียนจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆซึ่ง ททท.เองมีแผนส่งเสริมการตลาดโดยมุ่งให้นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายต่อคนต่อทริปเพิ่มขึ้น รวมถึงเพิ่มความถี่ในการเดินทางด้วย เนื่องจากเป็นการเดินทางระยะใกล้

ขณะที่นางมิ่งขวัญ เมธเมาลี ประธานสมาคมท่องเที่ยวอาเซียน กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า มีความเป็นได้สูงที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศอาเซียนปีนี้จะเติบโตทะลุ 10 ล้านคน และคาดว่าในปี 2563 จำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวอาเซียนจะยังคงเติบโตต่อเนื่องใกล้เคียงกับที่ผ่านมา หรือไม่ต่ำกว่าปีละ 10% หรือมีจำนวนประมาณ 11-12 ล้านคนในปีหน้า

ตลาดจีน 5 แสนล้านแผ่ว

สำหรับตลาดจีนซึ่งเป็นตลาดที่ครองสัดส่วนนักท่องเที่ยวสูงสุดอันดับ 1 ของไทยมายาวนานนั้น นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า การเติบโตของนักท่องเที่ยวจีนนับจากนี้เป็นต้นไปจะไม่สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดด 20-30% เช่นในอดีตอีกต่อไป แต่จะเติบโตในอัตราประมาณ 5 % ต่อปี เนื่องจากฐานตลาดที่มีขนาดใหญ่ โดยในปี 2562 นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในไทยน่าจะมีประมาณ 11-11.5 ล้านคน เนื่องจากจีนยังคงมีปัญหาสงครามการค้า

ทั้งนี้ สถิติจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รายงานว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยแล้วประมาณ 10.14 ล้านคน เติบโต 4.61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสร้างรายได้รวมมูลค่า 505,994 ล้านบาท เติบโต 6.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัน “ไทยเที่ยวไทย” หนุน

ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ยังกล่าวด้วยว่า เนื่องจากสภาวการณ์เศรษฐกิจที่ผันผวนต่อเนื่องในหลายประเทศทั่วโลก ททท.จึงหันมาเน้นการทำตลาดระยะใกล้มากขึ้น โดยนอกจากจีน, CLMV และอินเดีย ททท.ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศควบคู่กันไปด้วย เพื่อสร้างความสมดุลของรายได้การท่องเที่ยวของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน และลดการพึ่งพาตลาดต่างประเทศหากเกิดภาวะผันผวน


“ปัจจุบันไทยยังมีตัวขับเคลื่อนการท่องเที่ยวสำคัญเป็นตลาดต่างประเทศ ทำให้ในสภาวการณ์ที่เศรษฐกิจโลกผันผวนต่อเนื่อง ไทยย่อมได้รับผลกระทบเราจึงต้องหันมาทำตลาดในประเทศให้มั่นคงและยืนสัดส่วนที่ 33%” นายยุทธศักดิ์กล่าว