จับตา ! ปัญหา “สหรัฐ-อิหร่าน” เขย่าขวัญท่องเที่ยวไทย

ปัญหาความขัดแย้งสหรัฐ-อิหร่านที่กำลังเริ่มต้นอยู่ในขณะนี้ ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย เนื่องจากกังวลว่าภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยปีนี้จะมี “ปัจจัยลบ”ที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวนอกเหนือจากเรื่องของเศรษฐกิจและค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง

กระทบเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว

“ศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ให้ข้อมูลว่า ตอนนี้ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและอิหร่านยังไม่กระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

แต่จากสถานการณ์ล่าสุดซึ่งมีข่าวเครื่องบินพาณิชย์ของยูเครน แอร์ไลนส์ตกในอิหร่าน สามารถคาดการณ์ได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อความมั่นใจในการเดินทางของนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดความลังเลในการโดยสารเครื่องบินและการตัดสินใจเดินทางชะงักงัน โดยเฉพาะการเดินทางสู่ประเทศคู่ขัดแย้งหรือประเทศพันธมิตรของคู่ขัดแย้ง

“ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะปรับลดเป้าการท่องเที่ยวของตลาดอเมริกาและตลาดตะวันออกกลาง เรายังยืนยันตามเป้าเดิมที่วางไว้ และจะทำตลาดตามปกติ ที่ผ่านมาตั้งแต่มีการคว่ำบาตรอิหร่าน ททท.ก็ได้ปรับการทำตลาดอิหร่านเป็นตลาดตั้งรับ ปรับงบประมาณไปลงในตลาดที่มีโอกาสมากกว่าและคงทำตลาดเพื่อรักษาฐานนักท่องเที่ยวอิหร่านเดิมเท่านั้น เช่นเดียวกับตลาดอเมริกาที่ยังยืนตามแผนที่กำหนดเอาไว้เดิมต่อไป”

ปัจจัยใน-นอกรุมกระหน่ำ

“พรทิพย์ หิรัญเกตุ” รองนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นผลกระทบต่อตลาดอเมริกา เนื่องจากโดยปกติตลาดนี้จะจองล่วงหน้า 2-3 เดือน และมีช่วงเวลาท่องเที่ยวในเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ทำให้ปัจจุบันบุ๊กกิ้งในช่วงเดินทางหลักถูกจองไปจนหมดแล้ว และยังไม่มีการยกเลิกการเดินทางแต่อย่างใด

ปีที่แล้วตลาดอเมริกาเป็นตลาดที่ยังเติบโตและมีการจับจ่ายใช้สอยที่สูงเมื่อเทียบกับตลาดอื่น ๆ ที่เติบโตน้อยมาก รวมถึงมีทั้งนักท่องเที่ยวอิสระและกรุ๊ปทัวร์ที่เดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม มองว่าระยะยาวความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและอิหร่านน่าจะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากแม้คนอเมริกันจะยังเดินทางท่องเที่ยวเหมือนที่ผ่านมา แต่เส้นทางบินที่ผ่านตะวันออกกลางอาจจะไม่ถูกเลือก ทำให้สายการบินหลายสายได้รับผลกระทบ ลดตัวเลือกของนักท่องเที่ยวและเอเย่นต์ลง ทำให้ราคาตั๋วโดยสารแพงขึ้น ซึ่งเมื่อรวมกับสถานการณ์ค่าเงินบาทแข็งค่าทำให้ราคาแพงขึ้นกว่า 10%

ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านมีความแข็งแกร่งจากแหล่งท่องเที่ยวเปิดใหม่ ไม่เพียงเท่านี้ปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นภายในปีนี้ก็ถือเป็นปัจจัยลบหนึ่งสำหรับท่องเที่ยวไทยในปีนี้ด้วย แต่เชื่อว่าตลาดอเมริกาในปี 2563 จะยังคงเติบโตอยู่ ส่วนภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นซบเซาต่อเนื่องมาระยะหนึ่งแล้ว และจำนวนนักท่องเที่ยวคงจะเดินทางลดน้อยลงอีกจากสถานการณ์ภายในภูมิภาคและภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย

กระทบไทยเที่ยวนอก

ขณะที่ “โชติช่วง ศูรางกูร” กรรมการกลางสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) บอกว่า ในหมู่เอเย่นต์ท่องเที่ยวเอาต์บาวนด์ยังไม่มีความกังวลถึงผลกระทบที่จะเกิดเท่าไรนัก เนื่องจากสถานการณ์ขัดแย้งเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีความกังวลบ้างเล็กน้อยเกี่ยวกับการก่อการร้ายในโรงแรมเครืออเมริกันซึ่งมีอยู่หลายเครือ รวมถึงราคาน้ำมันที่อาจจะส่งผลต่อราคาของสินค้าทางด้านการท่องเที่ยวหากสถานการณ์ยืดเยื้อออกไป แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวไทยมากเท่าไรนัก

จับตาสถานการณ์ใกล้ชิด

ด้าน “โชติ ตราชู” ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำว่า ขณะนี้ความขัดแย้งของ 2 ประเทศที่เกิดขึ้นยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทย เนื่องจากยังไม่มีรายงานการยกเลิกเที่ยวบิน ที่พัก รวมถึงโปรแกรมทัวร์แต่อย่างใด แต่ก็เป็นประเด็นที่ต้องติดตามและเฝ้าระวังต่อไป ทั้งนี้ หวังว่าสถานการณ์จะไม่ทวีความรุนแรงจนส่งผลกระทบให้ไม่สามารถบินผ่านน่านฟ้าได้ เนื่องจากตลาดสำคัญหลายตลาดจะได้รับผลกระทบ อาทิ ยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง

พร้อมทั้งบอกด้วยว่า สำหรับในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวฯจะยังคงเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดยุโรป อเมริกา และตะวันออกกลาง ต่อไปเพราะเป็นตลาดคุณภาพที่มี


อัตราการจับจ่ายใช้สอยสูง มีวันพักยาวนาน และมีการเติบโตขึ้นในปี 2562ที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดอเมริกาที่เติบโตมากกว่าตลาดอื่น ๆ