ททท.เพิ่มดีกรีเจาะตลาดอินเดีย ดึง 2.2 ล้านคนเที่ยวไทย กวาด 9 หมื่นล้าน

ททท.โหมตลาดอินเดีย ! นำทัพขนผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยร่วมงานเทรดโชว์ SATTE 2020 กรุงนิวเดลี เผยเตรียมเดินสายโรดโชว์ถี่ยิบในอีก 4 เมืองรอง ตั้งเป้าปีཻ ดูดอินเดียเที่ยวไทยได้ไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านคน สร้างรายได้รวมกว่า 9 หมื่นล้านบาท พร้อมเร่งปูพรมโปรโมตเมืองรอง นำเสนอโปรดักต์ทางเลือกใหม่ หวังเพิ่มรายได้ สร้างภาพลักษณ์ท่องเที่ยวไทย สั่งจับตาเหตุการณ์ความขัดแย้งอิหร่าน-สหรัฐ หนุนตัวเลขอินเดียเที่ยวไทยขึ้นอันดับ 1 แซงหน้ามหานครดูไบ

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวตลาดอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตที่สูงมาก และเป็นตลาดที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ เนื่องจากคนอินเดียมีแนวโน้มเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยในปี 2559 พบว่าคนอินเดียเดินทางออกท่องเที่ยวนอกประเทศจำนวน 21.87 ล้านคน และเพิ่มเป็น 23.94 ล้านคนในปี 2561 และจากข้อมูลของ UNWTO ยังคาดการณ์ว่าในปี 2563 นี้จะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางท่องเที่ยวออกนอกประเทศถึง 25 ล้านคน

นำผู้ประกอบการ 82 รายโรดโชว์

นายฉัททันต์ กล่าวว่า สำหรับประเทศไทยนั้นปี 2561 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางมายังประเทศไทย 1.596 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12.83% เมื่อเทียบกับปี 2560 และจากการคาดการณ์ของ ททท.คาดว่าตลอดทั้งปี 2562 ที่ผ่านมาจะมีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 1.9 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 22% สร้างรายได้รวมที่ประมาณ 8.4 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 27% (ตัวเลขเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2562 อินเดียเที่ยวไทย 1.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นราว 26.31%)

จากแนวโน้มนี้ ททท.จึงวางแผนรุกตลาดอินเดียอย่างหนักเพื่อสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวของคนอินเดียเที่ยวไทยให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยการนำผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทย 82 ราย เข้าร่วมงาน
South Asia Travel and Tourism Exchange (SATTE) 2020 ระหว่างวันที่ 8-10 มกราคม 2563 ณ India Expo Mart, Greater Noida กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ซึ่งเป็นงานส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยวที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในอินเดีย ที่ปีนี้เป็นปีที่ 12 ที่ประเทศไทยเข้าร่วม

“ปีที่แล้วมีผู้ประกอบการเข้ามาร่วม 70 ราย ปีนี้ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน และสมัครเข้ามาร่วมงานจำนวนมาก แต่ด้วยงบประมาณทำให้สามารถรับได้เพียงแค่ 82 รายเท่านั้น ผู้ประกอบการที่เข้ามาร่วมงานครั้งนี้แบ่งเป็นโรงแรม 36 ราย,บริษัททัวร์ 29 ราย, สายการบิน 4 ราย และอื่น ๆ (สวนสนุก, สวนน้ำ, ตลาดน้ำ และคาบาเรต์) จำนวน 13 ราย และจำนวนนี้มีผู้ประกอบการรายใหม่สนใจเข้าร่วมงานจำนวน 20 ราย” นายฉัททันต์

สำหรับงาน SATTE 2020 นี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานไม่น้อยกว่า 50,000 คน และมีผู้เข้าร่วมแสดงสินค้าทางการท่องเที่ยวกว่า 1,000 คูหา ภายในงานมีกิจกรรมหลัก คือ การเจรจาธุรกิจทางการท่องเที่ยวระหว่างผู้ประกอบการธุรกิจทางการท่องเที่ยวอินเดียกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวต่างประเทศ (B2B) ภายในงานยังมีการสาธิตการวาดร่มและการสานปลาตะเพียน เพื่อตอกย้ำให้เห็นคุณค่าและเอกลักษณ์วิถีไทยที่แตกต่าง ซึ่งจะสามารถสร้างความสนใจให้แก่ผู้เข้าร่วมชมงานเป็นอย่างมาก

เตรียมโรดโชว์เจาะ 4 เมืองรอง

นายฉัททันต์กล่าวด้วยว่า นอกจากงาน SATTE 2020 แล้วปีนี้ ททท.ยังมีแผนนำกลุ่มผู้ประกอบการไทยเดินสายโรดโชว์เจาะเมืองรองของอินเดียอีก 4 ครั้งใน 4 เมือง ประกอบด้วย ภาคใต้ 2 เมือง และภาคเหนือ 2 เมือง ได้แก่ เมืองชัยปุระ, กัลกัตตา, ไฮเดอราบัด และโคชิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนกำหนดช่วงเวลา ทั้ง 4 เมืองเป็นเมืองที่มีเที่ยวบินบินตรงระหว่างอินเดียและไทยทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีงานลักเซอรี่มาร์ต โดยจะจัดขึ้นที่เมืองมุมไบอีก 1 ครั้ง รวมถึงงานที่ภาคเอกชนท่องเที่ยว อาทิ สมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต หรือชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ชลบุรี ซึ่งมีงบประมาณของตัวเองได้จัดและนำเอกชนในพื้นที่ของตัวเองไปโรดโชว์อีกจำนวนหนึ่งด้วย

“ตอนนี้พฤติกรรมการท่องเที่ยวของคนอินเดียเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ มีการกระจายไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ และมีความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น เช่น จังหวัดกาญจนบุรี, เขาใหญ่ (นครราชสีมา) เป็นต้น จากเดิมที่นิยมท่องเที่ยวใน 3 พื้นที่หลัก คือ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยาเท่านั้น การนำเอกชนท่องเที่ยวในพื้นที่ใหม่ ๆ เช่น จังหวัดสมุทรสงคราม, ระยอง, จันทบุรี, เชียงราย, เชียงใหม่, สมุย, กระบี่, พระนครศรีอยุธยา เกาะช้าง เป็นต้น ฯลฯ มานำเสนอโปรดักต์ในปีนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวอินเดียมีทางเลือกเพิ่มมากยิ่งขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับการท่องเที่ยวของไทยด้วย” นายฉัททันต์กล่าว

อินเดียเที่ยวไทยทะลุ 2.2 ล้านคน

นายฉัททันต์กล่าวถึงเป้าหมายสำหรับปี 2563 นี้ด้วยว่า ททท.คาดว่าตลาดอินเดียน่าจะมีศักยภาพในการขยายตัวต่อเนื่องได้อีกไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมไม่ต่ำกว่า 2.2 ล้านคน และมีสร้างรายได้ที่ประมาณ 9.24 หมื่นล้านบาท

สอดรับกับนายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่กล่าวว่า ในปี 2562ที่ผ่านมาตลาดอินเดียเที่ยวไทยมีอัตราการขยายตัวกว่า 20% แต่สำหรับปี 2563 นี้ อาจขยายตัวไม่ถึง 20% เนื่องจากปัจจุบันมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนที่นั่งของสายการบินและเส้นทางบินตรงที่ให้บริการมีจำกัด ซึ่งอาจทำให้อัตราการเติบโตถูกจำกัด อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอัตราการเติบโตของตลาดอินเดียในปีนี้น่าจะไม่ต่ำกว่า 10% ทั้งในแง่ของจำนวนและรายได้ หรือประมาณ 2.2 ล้านคน หรือหากสามารถขยายได้ในอัตรา 20% ก็น่าจะมีโอกาสเพิ่มได้ถึง 2.4 ล้านคน

“ตอนนี้เราพยายามประสานและพูดคุยกับกลุ่มผู้ให้บริการสายการบินในฝั่งอินเดียเพื่อให้เพิ่มเส้นทางบินเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้น” นายกฤษฎากล่าวและว่า ปัจจุบันมีปริมาณเที่ยวบินประจำระหว่างอินเดียและไทยมีสายการบินให้บริการรวม 10 สายการบิน จาก 13 เมืองในอินเดีย มีปริมาณที่นั่งรวมกว่า 65,182 ที่นั่งต่อสัปดาห์”

จับตาปัญหา “อิหร่าน-สหรัฐ”

นายกฤษฎากล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า จากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่านที่กำลังเกิดขึ้นนี้ หากไม่รุนแรงนักอาจทำให้ประเทศไทยได้รับอานิสงส์ในปีนี้ให้คนอินเดียที่นิยม เดินทางไปท่องเที่ยวที่กรุงดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 1 ของคนอินเดียด้วยจำนวนประมาณ 2.1 ล้านคนในปี 2562 ที่ผ่านมา เปลี่ยนใจมาเดินทางท่องเที่ยวที่ประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นได้


“หากเป็นในทิศทางนี้อาจทำให้ปี 2563 นี้ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แทนที่มหานครดูไบได้สำเร็จ” นายกฤษฎากล่าว