“แอสเสทเวิรด์” ผนึกกลุ่ม IHG บริหารโรงแรมเมืองท่องเที่ยว

“แอสเสท เวิรด์” ผนึกเครือ “IHG” พัฒนาโรงแรมในเครือกว่า 8 แห่ง 1,200 ห้องทั่วหัวเมืองท่องเที่ยวใน 5 ปี เผยโปรเจ็กต์แรกทุ่ม 3,000 ล้านรีแบรนด์อิมพีเรียลเชียงใหม่ สู่ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่” ดูดนักท่องเที่ยวลักเซอรี่-ไมซ์เข้าสู่เชียงใหม่

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)หรือ AWC เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามกรอบความตกลงด้านการบริหารจัดการโรงแรมร่วมกับอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ลส์ กรุ๊ป (IHG) เพื่อร่วมกันพัฒนาโรงแรมใหม่ในอนาคตรวมกว่า 1,200 ห้อง ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย

โดยวางเป้าหมายเซ็นสัญญาครบภายใน 2 ปี และแล้วเสร็จภายใน 5 ปี โดยคาดว่าจะมีจำนวนโรงแรมมากกว่า 8 แห่งที่แล้วเสร็จ และได้เล็งแบรนด์ภายใต้เครือ IHG ไว้ 3 แบรนด์ คือ อินเตอร์คอนติเนนตัล, ฮอลิเดย์ อิน และโวโค แบรนด์น้องใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในประเทศไทย

ทั้งนี้ AWC ได้ตัดสินใจลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท รีแบรนด์โรงแรมแห่งแรกของกลุ่มทีซีซีอย่าง “โรงแรมอิมพีเรียล เชียงใหม่” ที่มีอายุกว่า 31 ปี สู่ “อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง” โรงแรมลักเซอรี่ขนาด 306 ห้อง ที่วางเป้าหมายจะพัฒนาในคอนเซ็ปต์พิพิธภัณฑ์มีชีวิต เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของเชียงใหม่ที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม โดยมุ่งเจาะตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มลักเซอรี่และนักเดินทางไมซ์เป็นหลัก รวมถึงเตรียมเพิ่มพื้นที่กว่า 3,600 ตารางเมตร สำหรับการจัดการประชุม การจัดกิจกรรม และการพบปะสังสรรค์ทั้งภายในและภายนอก เพื่อให้โรงแรมสามารถรองรับนักเดินทางไมซ์ได้มากขึ้นโดยมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2564 ที่กำลังจะถึงนี้ และจะดำเนินการส่วนขยายจนแล้วเสร็จอย่างเต็มรูปแบบในปี 2565

นางวัลลภากล่าวว่า บริษัทเชื่อว่าการลงทุนนี้จะเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเนื่องจากพื้นที่เชียงใหม่เป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงและมีการเติบโตของนักท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด และมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตกว่า 7.4% ต่อปี และตั้งแต่ปี 2556 มาจนถึงปี 2561 ยังมีการขยายของอุตสาหกรรมไมซ์ในพื้นที่มากกว่า 250%

ไม่เพียงเท่านี้ เชียงใหม่ยังพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น จากการขยายขีดความสามารถของท่าอากาศยานนานาชาติจังหวัดเชียงใหม่ ในการรองรับผู้โดยสารเป็น 16 ล้านภายในปี 2565 และการก่อสร้างท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ แห่งที่ 2 ซึ่งรองรับผู้โดยสารได้ 10 ล้านคน มีแผนแล้วเสร็จภายในปี 2568

“การลงทุนครั้งนี้จะทำให้แต่ละห้องพักของอินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง มีมูลค่าสูงกว่า 10 ล้านบาทซึ่งจะยกระดับอัตราค่าห้องพักของโรงแรมจากเดิม ประมาณ 1,000-2,000 บาทจะขยับเป็นมากกว่า 6,000 บาทต่อห้องต่อคืน รวมถึงเชื่อว่าจะช่วยยกระดับอัตราการเข้าพักเฉลี่ยตลอดทั้งปี ซึ่งอยู่ที่ 80% และสามารถสร้างอัตราผลตอบแทนให้กับกลุ่มได้มากกว่า 12%” นางวัลลภากล่าว

นางวัลลภากล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ บริษัทยังมีจำนวนโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาอีกมากกว่า 8 โครงการ ประกอบด้วย ในกรุงเทพฯ 4 โครงการ คือ โครงการมิกซ์ยูสในเยาวราช, โครงการมิกซ์ยูสในพื้นที่บางนา, โครงการมิกซ์ยูสบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา และโครงการโรงแรมไลฟ์สไตล์บริเวณเจริญกรุง และนอกกรุงเทพฯ 4 โครงการ คือ โครงการมิกซ์ยูสในพัทยา, โครงการโรงแรมลักเซอรี่และโรงแรมไลฟ์สไตล์ในเชียงใหม่, โครงการโรงแรมไลฟ์สไตล์ในเชียงราย และโครงการรีสอร์ตในหัวหิน

“เหตุผลที่เราเลือกกลุ่มอินเตอร์คอนติเนนตัล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท เป็นผู้บริหารโรงแรมในเครือกว่า 1,200 ห้องเนื่องจากมีวิสัยทัศน์ตรงกันในเรื่องของการเก็บรักษาเอกลักษณ์ และคุณค่าที่ไม่เหมือนใคร และเชื่อว่า IHG ซึ่งมีจำนวนสมาชิกทั่วโลกมากกว่า 100 ล้านคนจะทำให้การดำเนินการโครงการของ AWC ไปได้อย่างราบรื่น และเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทั้ง 2 บริษัท” นางวัลลภากล่าว