ททท.ยุโรปทบทวนแผนปี”63 มุ่งโฟกัส “เมกา-รัสเซีย” หนุนตลาดระยะไกล

ท่องเที่ยวไทยเผชิญดิสรัปต์ ! ททท.ทวนแผนครั้งใหญ่ เผยหมดยุคโตก้าวกระโดด ก้าวสู่ยุค “นิวนอร์มอล” ยันตลาดสำคัญ “ยุโรป-ตะวันออกกลาง” ไม่ดี พายุเศรษฐกิจ-การเมืองกระหน่ำซ้ำข้ามปี มุ่งเป้า “เมกา-รัสเซีย-ยุโรปตะวันออก” ความหวังใหม่ช่วยหนุนนักท่องเที่ยวระยะไกล ลั่น ททท.-ทุกภาคส่วนต้องปรับตัวรับโลกเปลี่ยน

นางศรีสุดา วนภิญโญศักดิ์ รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมจัดการประชุมใหญ่ นำโดยผู้ว่าการ รองผู้ว่าการ และผู้อำนวยการสำนักงานการตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อพูดคุยระดมความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ตลาดและแนวทางการทำตลาดในปัจจุบันเพื่อทบทวนแผนการดำเนินงานของ ททท.ใหม่ทั้งหมดอีกครั้งเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในวันที่ 5 กุมภาพันธ์นี้

ทวนแผนรับ “New Normal”

นางศรีสุดากล่าวว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาที่เป็นปีที่การท่องเที่ยวไทยถูกดิสรัปต์ (disrupt) ด้วยความเปลี่ยนแปลงจากสถานการณ์โลก เกิดปรากฏการณ์ที่เป็น “new normal” หรือ “ความปกติในรูปแบบใหม่” ของไทย กล่าวคือ การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวจะเป็นการเติบโตแบบช้า ๆ ไม่ก้าวกระโดดอีกต่อไป
ทำให้ ททท.ต้องหาแนวทางในการทำการตลาดใหม่ ปรับลดสิ่งที่ไม่จำเป็นและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ และเลือกทำสิ่งที่คุ้มค่ากับการทำตลาดปัจจุบันมากกว่า อาทิ การปรับลดงบประมาณซับซิไดซ์เอเย่นต์ การเพิ่มงบประมาณสร้างดีมานด์ในฝั่งผู้บริโภค เป็นต้น

นอกจากนั้นในตลาดสำคัญหลายตลาดยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในและภายนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาใต้ ซึ่งประสบปัญหาจากเศรษฐกิจภาพรวมของภูมิภาคและการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงได้รับผลกระทบจากอัตราค่าเงินบาทแข็งค่าและคู่แข่งที่ทวีความแข็งแกร่งมากขึ้น

“เบร็กซิต” ทุบตลาดยุโรป

นางศรีสุดากล่าวถึงตลาดยุโรปด้วยว่า ในปี 2562 ที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงราว 1% จากปี 2561 ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากปัญหาเศรษฐกิจในภูมิภาค รวมถึงความไม่แน่นอนของเบร็กซิตจนหลายประเทศได้รับผลกระทบและมีอัตราการเติบโตของจีดีพีลดลง อาทิ อิตาลี ที่มีอัตราการเติบโตของจีดีพีเหลือเพียง 0.8% เท่านั้น รวมถึงยุโรปยังมีสภาพอากาศร้อนยาวนาน ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางหลบร้อนในช่วงปลายปีของไทยที่ทำเป็นประจำ

นอกจากนั้นสำหรับบางตลาด อาทิ กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียยังประสบกับภาวะค่าเงินอ่อนสวนทางกับค่าเงินบาทที่ทวีความแข็งค่า และตลาดหลักอย่างสหราชอาณาจักรยังมีการเลือกตั้งในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งปกติเป็นช่วงที่นักเดินทางอังกฤษเลือกเดินทางมาไทยมากที่สุด ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวระยะไกลของอังกฤษลดลงถึง 2.5% และยังคงต้องดูสถานการณ์หลังอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หลังวันที่ 31 มกราคมนี้ ต่อไปว่าจะมีทิศทางอย่างไร

เติมตะวันออกกลางซบ

ขณะที่ตลาดตะวันออกกลางนั้น นางศรีสุดากล่าวว่า เป็นตลาดที่เผชิญปัญหาทางการเมืองที่ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์และเศรษฐกิจภายในภูมิภาค และปัญหาสหรัฐอเมริกาและอิหร่านในช่วงต้นปี 2563 ที่ผ่านมา ทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นในการเดินทาง รวมถึงส่งผลให้ค่าตั๋วโดยสารเครื่องบินแพงขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดที่มีความสำคัญกับไทยอย่างอิสราเอล สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่อย่าง “new arab” ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เปิดกว้าง ไม่ค่อยตื่นตระหนก และมีความสนใจในการออกเดินทางท่องเที่ยวเป็นเซ็กเมนต์ใหม่ที่ ททท.กำลังศึกษา เพื่อหาโอกาสทำตลาดต่อไปในอนาคต รวมถึงยังมีโอกาสใหม่จากการเปิดเส้นทางบินจากโดฮาสู่เมืองอื่น ๆ ของไทย อาทิ เชียงใหม่ กระบี่ สุราษฎร์ธานี ฯลฯ อีกด้วย ส่วนตลาดละตินอเมริกายังคงมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นและเติบโตดีเป็นบางประเทศ

จับตา “เมกา-รัสเซีย-ยุโรป ตอ.”

อย่างไรก็ตาม ยังมีตลาดที่ดีมานด์ยังคงเติบโต และมีโอกาสสำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวไทยอีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสภาวะเศรษฐกิจเติบโตดีมาก ขณะที่ตลาดรัสเซียที่มีจำนวนประชากรจำนวนมาก และได้ปลดล็อกอนุญาตให้ข้าราชการสามารถเดินทางออกนอกประเทศ และยังมีเซ็กเมนต์ใหม่ ๆ ให้สามารถทำตลาดได้อีก รวมถึงยังมีการเพิ่มเที่ยวบินเหมาลำของสายการบินนอร์ทวิน 90 เที่ยวบิน 39,600 ที่นั่ง จาก 4 เมืองมาจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อข้ามไปยังเกาะสมุย ตั้งแต่ธันวาคมที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับตลาดยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะประเทศโปแลนด์, ยูเครน และบางประเทศในยุโรปตะวันตกอย่าง สเปน ก็ยังคงมีความหวังอยู่เช่นกัน

ประคองตัวเลขปี”63

นางศรีสุดากล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับปี 2563 นี้ แม้ว่าผู้ประกอบการและหลายฝ่ายมองว่าจะเป็นปีที่เหนื่อยยาก แต่ ททท.ตั้งเป้าจะรักษาอัตราการเติบโตของตลาดยุโรป, แอฟริกา, ตะวันออกกลาง และอเมริกาให้ทรงตัวให้ได้

“สถานการณ์โลกเปลี่ยนเราต้องยอมรับว่าต้องปรับตัว เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในตลาดก็ต้องปรับตัว เพื่อให้อยู่ได้ในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ในขณะที่คู่แข่งอย่างมัลดีฟส์ ญี่ปุ่น และเวียดนาม ใช้กลยุทธ์ทางด้านราคา เราจึงจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายในการรีแบรนด์ประเทศไทยให้เท่าทันตลาดโลก และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มลักเซอรี่ให้เพิ่มขึ้นได้”

สำหรับแคมเปญเพิ่มเติมในปีนี้เตรียมนำเสนอ “new shade of responsibility” กำหนดแนวทางให้ผู้ประกอบการที่ต้องการจะร่วมแคมเปญกับ ททท. ต้องทำตามเงื่อนไขความรับผิดชอบและความยั่งยืน พร้อมเสนอสินค้าท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบให้กับนักท่องเที่ยวเพิ่มเติม ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกว่าได้ทั้งรับและให้ไปพร้อม ๆ กัน เช่นทำแนวป้องกันไฟ โยนเหง้าปลูกบัวใหม่ เป็นต้น