“เอ็กซ์พีเดียร์” ชี้ทศวรรษหน้า “เจนอัลฟ่า” ยืนหนึ่ง! ร่ำรวย-มีการศึกษา ชอบท่องเที่ยวเก็บประสบการณ์-ส่งผลต่อการตัดสินใจคนทั้งบ้าน

“เอ็กซ์พีเดียร์” เผยทศวรรษหน้าผู้คนจะออกเดินทาง พฤติกรรมจะเปลี่ยน! เจนอัลฟ่ายืนหนึ่งร่ำรวย-มีการศึกษา นิยมท่องเที่ยวเก็บประสบการณ์-ส่งผลต่อการตัดสินใจพ่อแม่ ชี้คนเลิกทำงานตามเวลาออฟฟิศ แต่ทริปธุรกิจรุ่ง ใช้ดูดคนรุ่นใหม่-สร้างวัฒนธรรมองค์กร อนาคตที่พักจะยิ่งหลากหลาย สนามบินจะต้องแข่งราคา-สะดวก 

นายนิค แอนดรูส์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารการตลาด กลุ่มบริษัทเอ็กซ์พีเดีย (Expedia Group) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความหลากหลายมากขึ้นรวมถึงมีความผันผวนทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีมามีผลกระทบโดยตรงต่ออุตฯ ในสถานการณ์นี้การท่องเที่ยวเพื่อประสบการณ์เติบโตขึ้นและมีการทำตลาดอย่างหนัก โดยเชื่อมโยงธุรกิจเข้ากับระบบผู้ช่วยส่วนตัวอย่างอเล็กซ่าหรือกูเกิ้ลแอสซิสแทนต์

และสำหรับทศวรรษหน้าที่กำลังจะเดินทางมาถึง กลุ่มบริษัทเอ็กซ์พีเดียคาดการณ์แนวโน้มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวโลกว่าจะเปลี่ยนแปลงไปโดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวหลายข้อ ได้แก่ ปรากฎการณ์ด้านเจนเนเรชั่นและภูมิเศรษฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของมนุษย์ ความหลากหลายของโรงแรมที่พัก การพลิกโฉมของประสบการณ์สนามบิน และการซื้อประสบการณ์เฉพาะตัว

โดยสิ่งที่แน่นอนที่สุดอย่างหนึ่งคือ “ผู้คนจะออกเดินทางท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น” และการพักผ่อนอยู่บ้านจะลดน้อยถอยลง จากข้อมูลล่าสุดจาก Vrbo ซึ่งเป็นธุรกิจบริการจองที่พักวันหยุด ระบุว่านักท่องเที่ยวในไทยหันมาจองที่พักในจังหวัดของตนเองหรือจังหวัดใกล้เคียงมากขึ้นเรื่อยๆ คือเดินทางบ่อยๆ แม้จะไม่เดินทางไกลนั่นเอง

พร้อมกันนั้น ยังมี ปรากฎการณ์ด้านเจนเนเรชั่นและภูมิเศรษฐศาสตร์ เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยงานวิจัยของทีม Expedia Group Media Solutions ระบุว่านักเดินทางรุ่นใหม่ต้องการประสบการณ์และการผจญภัยที่ไม่เหมือนใคร โดยถือคติว่าเกิดมาครั้งเดียวต้องใช้ชีวิตให้เต็มที่ โดยเฉพาะคนรุ่นต่อไปอย่างเจเนอเรชั่นอัลฟ่า (เกิดปี 2553 เป็นต้นไป) ที่จะกลายเป็นกลุ่มคนที่ได้รับการศึกษาในระบบมากที่สุดและร่ำรวยที่สุด

ในขณะเดียวกับที่พวกเขามีผลอย่างมากต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวและเลือกสถานที่ท่องเที่ยวของครอบครัวที่มีพ่อแม่เป็นคนเจนมิลเลนเนียล โดยคาดว่าประชากรรุ่นอัลฟ่าที่จะเติบโตเต็มที่ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะนิยมใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงประกอบการเลือกแหล่งท่องเที่ยว พร้อมทั้งคุ้นเคยกับการใช้บอทเดียวควบคุมแผนการเดินทางทั้งหมด

ในขณะเดียวกันเอ็กซ์พีเดียเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน ของมนุษย์จะเกิดขึ้น ในลักษณะของการลดน้อยลงของการทำงานประจำในออฟฟิศ ในขณะที่การเดินทางเพื่อธุรกิจจะยิ่งทวีความสำคัญ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน รวมถึงองค์กรจะเริ่มใช้การเดินทางมาสะท้อนวัฒนธรรมองค์กรและใช้เพิ่มความเชื่อมั่นที่จะดึงดูดบุคลากรระดับคุณภาพ โดยเชื่อว่าเทคโนโลยีประเภทที่เชื่อมโยงการทำงานและการพักผ่อนเข้าด้วยกันจะมีมากขึ้น อาทิ เอไอสำหรับแจ้งเตือนวันหยุด ท่องเที่ยวต่อหลังทริปธุรกิจ ฯลฯ 

โดยพฤติกรรมทางด้านการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปนี้เองจะส่งผลให้เกิด ความหลากหลายด้านที่พัก มากขึ้น แม้โรงแรมเครือขนาดใหญ่และโรงแรมอิสระจะยังคงมีบทบาทสำคัญในธุรกิจด้านที่พัก พร้อมกันนั้น นิยามใหม่ของประสบการณ์สนามบิน จะเกิดขึ้น โดยนักเดินทางจะไม่ยึดติดกับสนามบิน ขอเพียงมีราคาที่คุ้มค่าและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่าก็เพียงพอให้นักเดินทางเลือกใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักเดินทางสนามบินจำเป้นจะต้องพลิกนิยามการให้บริการเดิมๆ มานำเสนอในรูปแบบใหม่ๆ 

พร้อมๆ กับที่เทรนด์ การซื้อประสบการณ์เฉพาะตัว ที่สามารถซื้อได้ด้วยตัวเองบนหน้าจอสมาร์ทโฟนจะยิ่งได้รับความนิยมมาก อาทิ บริการช่องตรวจความปลอดภัยแบบวีไอพี รถรับส่งจากอาคารผู้โดยสารไปยังประตูขึ้นเครื่อง ความบันเทิงบนเครื่องที่คัดสรรโดยเฉพาะ Wi-Fi บนเครื่อง และจองรถรับส่งจากสนามบินล่วงหน้า 


“แนวทางความร่วมมือกันยังคงเป็นความมุ่งมั่นหลักของเราต่อผู้ประกอบการโรงแรมไทย การลงทุนเพื่อการวิจัย พัฒนา และทดสอบเทคโนโลยีแทนผู้ประกอบการโรงแรม ในปี 2561 เราได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีเป็นจำนวนเงินกว่า 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 4.9 หมื่นล้านบาท) แม้เรายังไม่ได้คาดการณ์ว่าในอนาคตจำนวนเงินนี้จะเพิ่มเป็นเท่าไร แต่เราทราบว่าการลงทุนนี้จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับโรงแรมพาร์ทเนอร์ในประเทศไทยในทศวรรษที่จะถึง และเปิดโอกาสในการเติบโตร่วมกันมากยิ่งขึ้น” นายแอนดรูส์กล่าว