รัฐสั่งเฝ้าระวัง “โคโรน่า” เรียก “ความเชื่อมั่น” ต่างชาติเที่ยวไทย

พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

คาดการณ์กันว่าจำนวนผู้ป่วยไวรัสโคโรน่าที่มีรายงานอย่างเป็นทางการจากประเทศจีนนั้น น่าจะมีเพียงประมาณ 5% จากจำนวนผู้ป่วยจริงทั้งหมดในปัจจุบัน หรือประมาณ 4-5 หมื่นรายแล้วในขณะนี้ พร้อมคาดการณ์ด้วยว่า ภายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ จำนวนผู้ป่วยจะเพิ่มเป็นกว่า 2 แสนราย

โดยที่ผ่านมาประเทศจีนได้ออกมาตรการขั้นเด็ดขาดและเร่งด่วนออกมาควบคุมแล้ว อาทิ นโยบายระงับการจัดทัวร์ท่องเที่ยวและการงดการจัดกิจกรรม การชุมนุมคนเป็นจำนวนมากหรือมาตรการห้ามการเข้าออกจากเมืองอู่ฮั่น และอีก 14 เมืองโดยรอบ หรือล่าสุดที่ห้ามไม่ให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศแล้ว

จากมาตรการดังกล่าวนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงได้เชิญเอกชนท่องเที่ยวและหน่วยงานที่ให้บริการนักท่องเที่ยว ร่วมประชุมเพื่อชี้แจงแนวทางการเฝ้าระวัง ควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว พร้อมทั้งมอบนโยบายในการเฝ้าระวัง ควบคุมและป้องกันแบบเร่งด่วนในช่วงเช้าของวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา

“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน และได้แพร่ขยายสู่หลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยนั้น รัฐบาลไทยโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการในที่ประชุมให้กระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงคมนาคม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ให้ทั้ง 3 กระทรวงร่วมกันบูรณาการแผนเพื่อควบคุมป้องกันโรค และดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ดังนั้น เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯจึงได้ประชุมร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อหาแนวทางในการเฝ้าระวังและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนจะนำแผนเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการเศรษฐกิจ คณะรัฐมนตรี ในวันที่ 31 มกราคมนี้ต่อไป

“ขณะนี้เรากำลังดูว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะช่วยให้ธนาคารพาณิชย์ของรัฐช่วยปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีสภาพคล่องที่ดีในการแก้ไขปัญหาและประกอบการต่อได้ เช่นเดียวกันกับการคืนเงินให้นักท่องเที่ยวที่จะต้องทำอยู่แล้ว แต่ตามหลักการจะต้องนำไปหารือกับผู้ประกอบการก่อน”

โดยในส่วนที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ลงมือไปในเบื้องต้นแล้ว คือ การประสานงานกับกรมควบคุมโรคเพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความรู้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว และผู้ให้บริการรถแท็กซี่และแกร็บ (Grab) เพื่อให้ผู้ให้บริการกลุ่มที่ต้องใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวทราบข้อมูลในการปฏิบัติตัว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในภาวะแพร่กระจายของโรคระบาด

พร้อมทั้งย้ำว่า ปกติแล้วมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ราว 700,000-900,000 คนต่อเดือน แต่หลังจากรัฐบาลจีนสั่งปิดเมืองอู่ฮั่น และอีกหลายเมือง จนมาถึงการสั่งให้บริษัททัวร์หยุดนำนักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศ ก็มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางกลับประเทศจำนวนมากแล้วเช่นกัน

“สถานการณ์ปัจจุบันยังถือว่าไม่วิกฤตที่สุด เพราะไทยเพียงแต่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อเท่านั้น ไม่ได้เป็นแหล่งแพร่ระบาดเอง จึงไม่อยากให้ประชาชนตระหนกตกใจ ด้วยกระทรวงสาธารณสุขไทยมีความเชื่อถืออย่างมาก และมีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ สามารถเอาอยู่อย่างแน่นอน ในเวลานี้เราจึงต้องประชาสัมพันธ์ให้ทุกฝ่ายทราบว่า สถานการณ์ไม่รุนแรงอย่างข่าวสารที่เผยแพร่อยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต”

อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสบรรเทาลง จะสามารถเร่งผลักดันจำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 3-4 เข้ามาทดแทนช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวลดลงจากผลกระทบของโรคระบาดได้

ด้าน แพทย์หญิงดารินทร์ อารีย์โชคชัย รองผู้อำนวยการสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2563 มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนทั้งหมด 2,022 คน เสียชีวิตแล้วทั้งหมด 56 คน และมีการแพร่กระจายของเชื้อแล้วในพื้นที่ 7 มณฑลของจีน นอกจากนั้นยังมีผู้ติดเชื้อนอกพื้นที่จีนอีก 1,331 คน ใน 10 พื้นที่ทั่วโลก

ดังนั้นการเฝ้าระวังเป็นพิเศษในหมู่กลุ่มทัวร์และโรงแรมจะช่วยลดโอกาสในการแพร่กระจายของเชื้อในประเทศไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยทั้งขาเข้าและขาออกจำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มเสี่ยง โดยการปฏิบัติตามข้อแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือบ่อย ๆ การใส่หน้ากากป้องกันเชื้อ รวมถึงการตรวจสอบอาการอย่างสม่ำเสมอ

ด้าน “ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อตรวจสอบการตกค้างของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาท่องเที่ยวในไทยแล้ว เพื่อส่งนักท่องเที่ยวจีนที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับประเทศได้ตลอด 24 ชั่วโมง หากไม่สามารถกลับเข้าเมืองอู่ฮั่นได้ก็สามารถใช้เที่ยวบินมุ่งหน้าสู่เมืองอื่นแทน

“วิชิต ประกอบโกศล” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ให้ข้อมูลว่า หลังจากการสั่งหยุดประกอบกิจการด้านการท่องเที่ยวของรัฐบาลจีน กลุ่มทัวร์กลุ่มสุดท้ายได้เดินทางเข้าประเทศไทย ในวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะไม่มีนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มทัวร์เดินทางเข้าประเทศไทยไปอีกอย่างน้อย 2-3 เดือนนับจากนี้ นอกจากนั้นเชื่อว่าในไม่ช้า นักท่องเที่ยวอิสระจะค่อย ๆ ลดจำนวนลงตามคำสั่งของรัฐบาลจีน

โดยสถานการณ์ในขณะนี้จำเป็นที่จะต้องทำ 3 อย่าง ได้แก่ ข้อแรก “ระวัง ป้องกัน ควบคุม” เพื่อลดโอกาสในการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ในไทย ให้นักท่องเที่ยวจากตลาดอื่น ๆ ยังคงเชื่อมั่นและยังคงเดินทางมาไทยตามปกติ 2.เยียวยา และ 3.กระตุ้นตลาด ที่ต้องทำไปพร้อมกัน

ทั้งนี้ โดยผู้ประกอบการจะเตรียมหารือมาตรการเยียวยาเพื่อนำเสนอภาครัฐ ก่อนนำไปพูดคุยในการประชุมต่อไป

อย่างไรก็ตาม คาดว่าผู้ประกอบการจะสามารถพยุงสถานการณ์กิจการไปได้อีกราว 3 เดือน โดยมีมาตรการเยียวยาของภาครัฐประคองไป ไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านสภาพคล่องหรือมาตรการด้านตลาด


โดยเชื่อว่าถ้าหากสถานการณ์เรียบร้อยลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ตลาดจีนก็จะสามารถพลิกฟื้นกลับขึ้นมาได้เหมือนอย่างเมื่อครั้งประสบเหตุการณ์เฝ้าระบาดของโรคซาร์สเมื่อหลายปีก่อน