นักท่องเที่ยวร่วงหนัก ‘รัฐ-เอกชน’ ผนึกพลังตั้งรับ

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด-19 และมาตรการปิดประเทศของรัฐบาลจีน ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดความปั่นป่วนทั่วโลก เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ส่งออกนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก ซึ่งแน่นอนว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างมากเช่นกัน

“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ให้ข้อมูลว่า สำหรับประเทศไทยนั้นหากปีนี้ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมสามารถขยายตัวได้ในระดับ 2.5% ก็น่าจะถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดแล้ว (จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.8%) โดยตัวเลขภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนกุมภาพันธ์ (1-9 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมามีจำนวนลดลงถึง 43.47% และลดลงไปมากถึง 86.5%

สำหรับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งประเมินว่าแนวโน้มการลดลงดังกล่าวน่าจะส่งผลต่อเนื่องถึงเดือนมีนาคมนี้ และหากจีนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ คาดหวังว่าในเดือนเมษายนนี้การท่องเที่ยวจีนน่าจะเริ่มกลับมาได้บ้างในสัดส่วนสัก 50% 

อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์การฟื้นตัวดังกล่าวนี้อยู่บนเงื่อนไขที่ว่า ทุกภาคส่วนต้องช่วยและร่วมมือกัน
ในการกระตุ้นและส่งเสริมตลาดไม่ว่าจะเป็นหอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ, โรงแรม,บริษัททัวร์, ร้านอาหาร ฯลฯ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสำหรับเปิดรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมาในช่วงครึ่งปีหลังนี้

ทั้งนี้ ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯได้เตรียมประสานกับกระทรวงคมนาคมเพื่อเปิดสลอตการบินให้สายการบินชาร์เตอร์ไฟลต์ หรือสายการบินที่ให้บริการเที่ยวบินประจำที่ทำการยกเลิกไปในช่วงเกิดปัญหาให้ได้สลอตการบินในเวลาที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังได้เตรียมนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณามาตรการฟรีวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียอีกครั้ง เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้า-ออกประเทศได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น

รวมทั้งเดินหน้าทำการศึกษาและวางกรอบการขยายเวลาเปิด-ปิดสถานบันเทิงในพื้นที่เมืองท่องเที่ยว ซึ่งมีแผนจะดำเนินการเป็นโซนนิ่ง ซึ่งขณะนี้ได้ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดใหญ่แล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการศึกษาว่าจะใช้พื้นที่ไหนและจังหวัดไหนบ้าง จากนั้นจะส่งต่อให้ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นหน่วยงานประสานและขอมติทำประชาวิจารณ์เพื่อหาข้อสรุปต่อไป

สอดรับกับ “นายโชติ ตราชู” ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ที่กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-9 กุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 4,427,797 คนลดลง 11.62% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และหากพิจารณาเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวจีนจากในอดีตที่เดินทางเข้าไทยเฉลี่ยวันละ 30,000-40,000 คน ปัจจุบันเหลือประมาณ 4,500-5,000 คนต่อวัน 

ส่วนตลาดอื่น ๆ นอกจากตลาดจีนนั้นก็ไม่เดินทางเช่นกัน โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ นอกจากจีน
ลดลงประมาณ 7-8% ทั้งนี้ กระทรวงได้ติดตามสถานการณ์อัพเดตทุกวัน และจัดส่งรายงานตัวเลขให้ทุกหน่วยงานของรัฐเพื่อร่วมกันรับมือให้สอดรับกับสถานการณ์ 

โดยที่ผ่านมากระทรวงการท่องเที่ยวฯได้ลงมือไปบ้างแล้ว ทั้งการร่วมกับกรมการขนส่งทางบกและกรมควบคุมโรคจัดอบรมให้ผู้ขับขี่รถโดยสารและผู้ประกอบการท่องเที่ยว พร้อมจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการแก้ไขและรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวยั่งยืน” ให้พร้อมกับการรับมือ จนมาถึงการประชุมเพื่อหารือกับผู้ประกอบการเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

พร้อมย้ำว่า ภาคธุรกิจท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมที่มีผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศไทย ดังนั้น ทุกภาคส่วนที่อยู่ในห่วงโซ่การท่องเที่ยวต้องช่วยกันประคับประคอง และร่วมกันหาทางก้าวข้ามเหตุการณ์นี้ไปให้ได้ และพร้อมที่จะกลับมา กระตุ้นการท่องเที่ยวให้คึกคักอีกครั้งเมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับคืนสู่ภาวะปกติ