2563 ปีทอง “อาเซียน” คาดอีก 5 ปีทะลุ 20 ล้านคน

Photo by David Silverman/Getty Images

จากแนวโน้มปัจจัยด้านความมั่นคงทางด้านสุขภาพและเศรษฐกิจและภาวะการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนและประเทศอื่น ๆ ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียนเร่งหาทางออก เพื่อคืนความเชื่อมั่นและหามาตรการส่งเสริมการตลาดแก่ประเทศสมาชิก

มิ่งขวัญ เมธเมาลี ประธานสมาคมการท่องเที่ยวอาเซียน

“มิ่งขวัญ เมธเมาลี” ประธานสมาคมการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEANTA :ASEAN Tourism Association) กล่าวว่า ปัจจุบันทุกประเทศในอาเซียนล้วนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และหาแนวทางเร่งส่งเสริมการเดินทางในประเทศอย่างหนัก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างรายได้ภายในประเทศขึ้น

“ที่ผ่านมา แม้ว่าสถานการณ์จะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นลำดับ แต่นักท่องเที่ยวจากตลาดอาเซียนมีอัตราการยกเลิกการจองน้อยมาก คือ ราว 10-20% เท่านั้น เพราะอยู่ใกล้และมีวัฒนธรรมค่อนข้างคล้ายกัน”

“มิ่งขวัญ” บอกด้วยว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ขณะนี้ค่อนข้างเชื่อได้ว่านับจากนี้ไปจนถึงเดือนเมษายน นักท่องเที่ยวจากตลาดอาเซียนจะยังคงเดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าได้รับความมั่นใจว่าคนไทยก็ยังคงเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยเช่นกัน

ดังนั้น สิ่งที่ควรเร่งทำในขณะนี้คือ การส่งออกภาพความเชื่อมั่นทางด้านสาธารณสุขและความมั่นใจของคนไทยออกไปให้ชาวอาเซียนได้รับรู้

โดยขณะนี้ “อาเซียนต้า” ได้รวบรวมแพ็กเกจและสินค้าทางด้านการท่องเที่ยวของผู้ประกอบการในภูมิภาคอาเซียนแล้ว เพื่อเตรียมนำเสนอให้กับประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนด้วยกันเองได้รับทราบ เพื่อก่อให้เกิดการเดินทางภายในภูมิภาคมากขึ้นนับจากนี้

จากนั้นจะใช้โปรโมชั่นร่วมเพื่อช่วยกระตุ้นการเดินทางภายในภูมิภาคอาเซียน โดยคาดหวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะยุติลงได้ในช่วงครึ่งปีแรกนี้ และทำให้ไตรมาส 3-4 ที่เป็นปีทองของการท่องเที่ยวภายในอาเซียน และตลาดอาเซียนท่องเที่ยวไทยอย่างแน่นอน

“ขณะนี้การสนับสนุนจากภาครัฐที่ทางสมาคมเห็นว่ามีความสำคัญคืออยากขอความร่วมมือในการส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านความสะอาด ปลอดภัย และสุขลักษณะที่ดี โดยอนุญาตให้สมาคมเข้าถึงพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติสำคัญอย่างสุวรรณภูมิหรือดอนเมือง เพื่อที่จะช่วยนำเจ้าหน้าที่เข้าไปฉีดพ่นฆ่าเชื้อภายในพื้นที่ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากสมาคมต้องการนำเสนอภาพสู่ประชาคมอาเซียน”

วิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว

สอดคล้องกับ “วิชิต ประกอบโกศล”นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) ที่ยอมรับว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ถือว่าหนักมาก เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบกะทันหันบวกกับตลาดจีนเป็นตลาดใหญ่ที่มีนักท่องเที่ยวในปี 2562 ที่ผ่านมามีจำนวนถึง 10.9 ล้านคนซึ่งหากเทียบกับปีที่มีการแพร่ระบาดของโรคซาร์สครั้งนั้นประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเพียงแค่ประมาณ 1 ล้านคนเท่านั้น

ขณะเดียวกัน สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือ นอกจากตลาดจีนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบแบบเต็ม ๆ 100% ในช่วง 2-3 เดือนนี้ ปัจจุบันผลกระทบเริ่มลามไปตลาดอื่น ๆ แล้ว

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงปีแรกนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไปราว5 ล้านคน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวจีนราว 3 ล้านคนและนักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ อีกราว 2 ล้านคน คิดเป็นมูลค่ารายได้ที่หายไปประมาณ 2.5 แสนล้านบาท

วิกฤตรอบนี้จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ทั้ง “หนัก” และ “เจ็บปวด” ที่สุด

ดังนั้น นอกจากตลาดเที่ยวในประเทศหรือ “ไทยเที่ยวไทย” แล้ว ในระยะสั้น ๆ นี้ตลาดที่มีโอกาสและจะพอเข้ามาทดแทนตลาดจีนได้คือ “ตลาดอาเซียน” เนื่องจากมีประชากรรวมกันกว่า 600 ล้านคน การเดินทางระหว่างกันใช้เวลาเพียงแค่ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น รวมทั้งยังสามารถเดินทางโดยรถยนต์และทางรถไฟได้สะดวก นอกจากนี้ยังเป็นภูมิภาคที่เศรษฐกิจโดยรวมมีการขยายตัวในอัตราสูง ที่สำคัญคู่แข่งในตลาดยังมีไม่มากนัก

“วันนี้พระเอกของเราคือ ตลาดจีนกำลังป่วยและนอนพักอยู่ในห้องไอซียู สิ่งที่เราทำได้คือ ให้กำลังใจและรอให้เขาพักฟื้นสัก 3-4 เดือน ตลาดอาเซียนจึงน่าจะเป็นตลาดที่เข้ามาช่วยในช่วงนี้ ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมาตลาดอาเซียนมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทยถึง 10.6 ล้านคน” วิชิตย้ำ


พร้อมทั้งบอกด้วยว่า เร็ว ๆ นี้ ทางทางสมาคมแอตต้าจะมีโครงการร่วมกับอาเซียนต้าทำการส่งเสริมและสนับสนุนสินค้าที่เหมาะกับตลาดอาเซียนด้วยกันให้มากขึ้น โดยมั่นใจว่าตลาดอาเซียนจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวมกันได้ถึง 20 ล้านคนได้ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า