ยุทธชัย จรณะจิตต์ พลิกตำรา พา “อิตัลไทย-ออนิกซ์” ฝ่าวิกฤต

“อิตัลไทย” องค์กรที่พยายามทรานส์ฟอร์มธุรกิจให้เป็นองค์กรที่ทันสมัย มีความคล่องตัว และสร้างการเติบโตอย่างรวดเร็ว พร้อมทุ่มลงทุนต่อเนื่องเพื่อผลักดันธุรกิจในแต่ละกลุ่มธุรกิจให้มีศักยภาพในการแข่งขันกับต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจเซอร์วิส ภายใต้กลุ่ม “ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป” เจ้าของอาณาจักรโรงแรมแบรนด์อมารี, โอโซ, ซามา, ซามา ฮับ และหนึ่งในกลุ่มผู้ถือหุ้นโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์พิเศษ “ยุทธชัย จรณะจิตต์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย จำกัด และผู้บริหารกลุ่มออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แนวทางการปรับตัว รวมถึงแนวคิด มุมมอง และทิศทางธุรกิจสำหรับปี 2563 ไว้ดังนี้

วิกฤตที่ (ยัง) มองไม่เห็นโอกาส

“ยุทธชัย” บอกว่า ปี 2562 ที่ผ่านมาที่คิดว่าแย่แล้ว กระแสของไวรัสโควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ได้ส่งผลกระทบไปยังทุกเซ็กเตอร์ธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งในภาวะวิกฤตทุกครั้งคนอื่น ๆ ชอบพูดกันว่า ท่ามกลางวิกฤตจะมองเห็นโอกาส แต่สำหรับตัวเองมองว่า สถานการณ์ปีนี้คือ วิกฤตจริง ๆ หรือจะเรียกว่าเป็นวิกฤตที่ยังมองไม่เห็นโอกาสก็ได้

ในสถานการณ์แบบนี้ “โอกาส” ไม่ใช่ priority แต่ first priority ในขณะนี้ คือ จะทำอย่างไรให้องค์กรเดินต่อไปได้ และลูกเรือทั้งหมดไม่สละเรือทิ้งเสียก่อน

คือ ทำอย่างไรให้พนักงานที่ทำงานด้วยกัน มีแรงจูงใจมีความอดทน เพราะคาดการณ์กันว่าทุกอย่างน่าจะเริ่มกลับมาบ้างในช่วงไตรมาสที่ 3 กว่าจะดีก็น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 4

“ยุทธชัย” บอกด้วยว่า ตอนต้นปี 2563 สถานการณ์ดีมาก แต่หลังจากตรุษจีน ทุกอย่างระเนระนาดไปหมด เริ่มเห็นโรงแรม รีสอร์ต ที่อยู่ในทำเลทัวริสต์เดสติเนชั่น นักท่องเที่ยวหาย ไม่มีบุ๊กกิ้งเข้า หลายแห่งมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยเพียง 20-30% แม้แต่โรงแรมในกรุงเทพฯก็เริ่มออกอาการ จากเดิมที่เคยทำอัตราการเข้าพักเฉลี่ยราว 70-80% ตอนนี้เหลือประมาณ 40-50% และประมาณ 30% สำหรับโรงแรม 5 ดาว

เลิกจ้างพนักงานชั่วคราว-ลดค่าใช้จ่าย

จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลให้เซอร์วิสเซ็กเตอร์เริ่มมีปัญหาแรงงานจะถูกบังคับให้หยุดงาน โดยเฉพาะพนักงานชั่วคราวซึ่งต้องถูกเลิกจ้างงานก่อน เหลือแต่พนักงานฟูลไทม์ ขณะที่รายได้ของแรงงานในภาคบริการก็มีแนวโน้มลดลงแม้ไม่ได้ถูกเลิกจ้าง เพราะรายได้จากเซอร์วิสชาร์จที่ลดลง และแน่นอนว่าจะส่งผลถึงมาตรการของการบริหารในหลาย ๆ ส่วนตามมา ไม่เพียงเท่านั้นยังกระทบไปถึงซัพพลายเชนทั้งระบบด้วย

“ผมว่าปีนี้เป็นปีที่ธุรกิจในฝั่งท่องเที่ยวจะหนักถึงหนักที่สุด จากตอนนี้ที่ว่าแย่หนักแล้ว แต่จากที่คุยกับหลาย ๆ คนมองว่า นับจากนี้จะมีอีกหลายโรงแรมที่ต้องปิดให้บริการ ร้านอาหารจำนวนมากก็จะไปต่อไม่ไหว ที่สำคัญ คนทำงานโรงแรมในหลาย ๆ แห่งอาจโดนบอกเลิกจ้าง เพราะผู้ประกอบการรับต้นทุนไม่ไหว โดยเฉพาะโรงแรม รีสอร์ตที่เป็นบูทีค และกลุ่ม 3-4 ดาวน่าจะเป็นกลุ่มที่เริ่มไม่ไหวแล้ว เพราะรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย”

เลื่อนแผนเปิดโรงแรม “โอโซ พัทยา”

“ยุทธชัย” บอกด้วยว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดขณะนี้ คือ หลังสงกรานต์จะอยู่กันอย่างไร ทุกคนยังประเมินไม่ออก จะไปทำตลาดโซนไหนมาทดแทน เพราะตอนนี้มีปัญหาทั่วโลก

พร้อมทั้งระบุว่า ส่วนตัวไม่คาดคิดว่าดีมานด์จะหายไปได้รวดเร็วขนาดนี้ ที่สำคัญ ปีที่ผ่านมากลุ่มอิตัลไทยได้มีการลงทุนเพิ่มและรีโนเวตหลาย ๆ แห่งเพื่อที่จะเตรียมเปิดทำตลาดในปีนี้ แต่มาเจอปัญหาไวรัสโควิด-19 ก็ไม่คิดว่าสถานการณ์ปีนี้จะวิกฤตขนาดนี้ ทำให้โรงแรมที่รีโนเวตใหม่หลาย ๆ แห่ง เช่น ภูเก็ต, พัทยา หรือแม้แต่กรุงเทพฯ มีความยากในการผลักดันยอดขาย อาทิ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล หรือในส่วนของโรงแรมโอโซ พัทยา (ทำเลเดียวกับอมารี พัทยา) ซึ่งก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดิมมีแผนจะเปิดให้บริการเดือน มี.ค.นี้ ตอนนี้ก็ปรับแผนเลื่อนไปเปิดเดือน มิ.ย. เพราะเปิดไปก็มีแต่ค่าใช้จ่าย ไม่มีรายได้ รวมถึงโครงการในต่างประเทศบางส่วนด้วย อาทิ มาเลเซีย, ศรีลังกา, ลาว เป็นต้น

“ตอนนี้ทุกคนขอดีเลย์หมด ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ ฯลฯ หลังสงกรานต์ค่อยมาคุยกันใหม่ ทุกคนน่าจะอยู่ในภาวะเอาตัวรอด และดูว่าจะลดต้นทุนอย่างไร ของเราก็ส่งจดหมายถึงซัพพลายเออร์ทุกราย ขอส่วนลดทุกอย่าง 3% บ้าง 5% บ้าง เก็บเล็กเก็บน้อยไป ต่อไปจะเห็นบางโรงแรมเริ่มลดต้นทุนเล็ก ๆ น้อย ๆเช่น ดอกไม้ในพื้นที่ public area หรือบนโต๊ะอาหารก็จะเปลี่ยนจากผ้าขาวเช็ดปากไปเป็นกระดาษทิสชู หรือโรงแรมที่มีร้านอาหารเยอะ ๆ ก็จะสลับกันหยุด หรือเลิกบุฟเฟต์ เป็นต้น”

ต่อคำถามที่ว่า ตลาดโดเมสติก หรือไทยเที่ยวไทย น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับปีนี้หรือไม่ “ยุทธชัย” บอกว่า ตลาดภายในประเทศก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ปัญหาคือซัพพลายในตลาดมีจำนวนมาก และหันมาจับตลาดโดเมสติกหมด ลูกค้ามีทางเลือก การทำราคาก็คงไม่ได้ดีแน่ ๆ ทุกสินค้าและบริการจะเป็นราคาดิสเคานต์กันหมด

และแน่นอนว่า กลุ่มออนิกซ์ฯก็ต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การขายใหม่หมดเช่นกัน จากเดิมที่ตลาดใหญ่เป็นกลุ่มอินเดีย กลุ่มมิดเดิลอีสต์ ก็มาโฟกัสตลาดในประเทศบ้าง ตลาดยุโรป หรืออื่น ๆ ในโซนที่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก เข้ามาทดแทน เรียกว่ากลยุทธ์ทุกอย่างต้องไดนามิกมาก ๆ และพยายามที่จะพยุงราคาไว้ในระดับที่พอเหมาะพอดีด้วย

กัดฟันเดินหน้าลงทุนระยะยาว

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทอิตัลไทยยังบอกด้วยว่า แม้ว่าปีนี้จะเป็นปีที่เผชิญกับวิกฤตอย่างหนัก แต่ในแง่ของการลงทุนในระยะยาวนั้น บริษัทก็ยังต้องเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ เช่น แผนลงทุนอีกกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับก่อสร้างโรงแรมแบรนด์โอโซ (บริเวณโรงแรมอมารี วอเตอร์เกท)ขนาด 200-250 ห้อง จะเริ่มก่อสร้างในเดือน พ.ค.นี้ เพราะการลงทุนธุรกิจโรงแรมจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี กว่าที่จะเริ่มให้บริการ

สำหรับปีนี้บริษัทมีแผนขยายโรงแรมใหม่อีกไม่ต่ำกว่า11 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้สิ้นปี 2563 ออนิกซ์ฯจะมีโรงแรม รีสอร์ต และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ที่บริหารจัดการในเครือที่เปิดบริการแล้วเพิ่มขึ้นเป็น 61 แห่ง และตั้งเป้าที่จะมีการลงนามในสัญญารับบริหารโรงแรมแห่งใหม่ในเครืออีก 10 แห่งในปีนี้

“ยุทธชัย” ย้ำว่า ออนิกซ์ฯยังคงมุ่งขยายเครือข่ายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมรักษาคุณภาพการบริการโรงแรมในเครือที่เปิดให้บริการแล้วในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างดี เพราะยังคงเชื่อมั่นว่าสุดท้ายแล้ว ธุรกิจท่องเที่ยวยังมีศักยภาพ ส่วนวิกฤตต่าง ๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้นั้นเป็นเพียงแค่ผลกระทบระยะสั้น ๆ อีกไม่นานทุกคนก็จะผ่านไปได้