“โควิด” พลิกมุมคิดคนท่องเที่ยว “สุรวัช อัครวรมาศ” จุดประกาย ขายบะหมี่เบตง “จี๊กิม! บะหมี่ฮกเกี้ยน”

ก้าวสู่เดือนที่ 3 แล้วที่ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก นับตั้งแต่ประเทศจีนปิดเมือง “อู่ฮั่น” ห้ามคนจีนออกนอกประเทศ และห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้า-ออกเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา และขยายผลไปทั่วโลกในขณะนี้ ส่งผลให้ธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยหยุดชะงักทันที ทั้งปิดกิจการ, บอกเลิกจ้างพนักงาน, ลดเงินเดือนพนักงาน ฯลฯ

ล่าสุดคนท่องเที่ยวเริ่มมองหาทางออกด้วยการสร้างธุรกิจใหม่ โดยตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางเถ้าแก่ขาย “บะหมี่ฮกเกี้ยน” หรือบะหมี่เบตง ภายใต้แบรนด์ “จี๊กิม! บะหมี่ฮกเกี้ยน” ไปเรียบร้อยแล้ว

“สุรวัช อัครวรมาศ” เจ้าของบริษัท กู๊ดลัคเอ็กซ์เพรส จำกัด, บริษัท เค.ที.เค. ทัวร์ เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จำกัด อุปนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA), ที่ปรึกษาสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA), ที่ปรึกษาสมาคมท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) ฯลฯ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการท่องเที่ยวมากว่า 30 ปี ผู้ปลุกปั้นแบรนด์บะหมี่ “จี๊กิม! บะหมี่ฮกเกี้ยน” ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ถึงแนวคิด มุมมองการปรับตัวในช่วงที่ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบอย่างหนักในขณะนี้ ไว้ดังนี้

“สุรวัช” เล่าว่า นับตั้งแต่ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดระบาดตั้งแต่ปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีสื่อมาสัมภาษณ์เยอะมากว่า ในช่วงวิกฤตโควิด-19 นี้ ภาคท่องเที่ยวต้องปรับตัวกันอย่างไร และบริษัทที่บริหารอยู่จะปรับอย่างไร คำตอบง่าย ๆ คือ ต้องไม่นั่งดูปัญหาและทำอย่างไรให้ลูกน้องและพนักงานอยู่รอด

โดยสิ่งที่จุดประกายไอเดียให้เริ่มต้นธุรกิจขายบะหมี่ ภายใต้แบรนด์ “จี๊กิม!บะหมี่ฮกเกี้ยน” มาจากตระกูลของเขา ซึ่งมีภูมิลำเนาดั้งเดิมจากเบตง (อ.เบตง จ.ยะลา) และมีความสามารถในด้านฝีมือการทำอาหาร โดยเฉพาะพี่สาว (จี๊กิม-ที่มาของชื่อแบรนด์) โดยทุกครั้งที่มีโอกาสทำรับประทานกันเองในครอบครัว หรือในวาระที่คนในครอบครัวมารวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นช่วงตรุษจีน, วันรวมญาติ หรือเทศกาลต่าง ๆ ก็คุยกันตลอดว่า พวกเราน่าทำขาย บวกกับส่วนตัวเป็นคนชอบกินเส้น ชอบกินบะหมี่รสชาตินี้อยู่แล้ว แต่หากินรสชาติแบบนี้ในกรุงเทพฯยากมาก จะมีบ้างก็ต้องที่ภูเก็ต เพราะส่วนใหญ่เป็นคนจีนฮกเกี้ยน ช่วงไหนมีโอกาสไปภูเก็ตก็จะไปหารับประทาน แต่รสชาติก็ยังไม่ถูกปากเท่ากับฝีมือของพี่สาว เพราะรสชาติดั้งเดิมของบะหมี่ฮกเกี้ยนจะมีความอร่อยที่เฉพาะตัว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้เริ่มต้นสักที

เมื่อมาเจอจังหวะที่ธุรกิจทัวร์ได้รับผลกระทบ นักท่องเที่ยวหยุดการเดินทางทั้งตลาดอินบาวนด์ (ขาเข้า) และเอาต์บาวนด์ (ขาออก) บริษัทซึ่งทำทัวร์ทั้งขาเข้า-ขาออกไม่มีลูกค้า พนักงานทั้งหมดราว 20 คนไม่มีงานทำ

“สิ่งที่ผมคิดง่าย ๆ คือ ในช่วงที่พวกเราว่างงาน บริษัททัวร์ไม่มีลูกค้า จะทำอย่างไรให้พนักงานที่ทำงานกับเราอยู่ได้ จึงหารือกับลูก ๆ หลาน ๆ ก็ได้ข้อสรุปว่าน่าจะเปิดร้านขายบะหมี่ฮกเกี้ยน เพราะเป็นสิ่งที่ทางครอบครัวเรามีความถนัดที่สุด ขณะที่โปรดักต์คือบะหมี่ก็มีความแตกต่างจากในตลาดทั่วไป จึงให้พนักงานที่ว่างงานจากการทำทัวร์มาช่วยกันสร้างธุรกิจบะหมี่”

พร้อมเล่าว่า ในช่วงที่บริษัทไม่ได้ทำทัวร์ เขาคุยกับพนักงานไปแล้วครั้งหนึ่งว่า เราจะร่วมด้วยช่วยกันอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้บริษัทรอดพ้นจากวิกฤต ซึ่งพนักงานก็พร้อมใจและยินดีให้บริษัทลดเงินเดือนลงครึ่งหนึ่ง แลกกับลดจำนวนวันทำงานลงครึ่งหนึ่งเช่นกัน

กระนั้นก็ตามก็ยังคิดตลอดว่า จะช่วยให้พวกเขามีรายได้ที่ไม่น้อยกว่าเดิมได้อย่างไร พอสรุปโปรเจ็กต์ขายบะหมี่กับลูก ๆ หลาน ๆ ได้ ก็นำมาคุยกับพนักงานว่า ใครพร้อมที่จะมาช่วยงานขายบะหมี่บ้าง คนที่มาช่วยจะได้รายได้ส่วนที่หายไปครึ่งหนึ่งกลับคืนมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็สมัครใจเข้าร่วมโครงการขายบะหมี่กัน โดยที่ไม่ต้องไปจ้างคนใหม่เข้ามาช่วย เรียกว่า นอกจากจะเป็นการเริ่มสร้างธุรกิจใหม่แล้ว ยังเป็นการสร้างงาน และสร้างรายได้ให้พนักงานที่ว่างงานจากการไม่มีทัวร์อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งพนักงานส่วนใหญ่ก็พักอาศัยอยู่ใกล้ออฟฟิศ สามารถเดินมาทำงานได้โดยไม่เสี่ยงกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดด้วย ทุกอย่างจึงลงตัวในเวลาอันรวดเร็ว

“อีกอย่างด้วยความที่เป็นคนเบตง ผมมีความตั้งใจมาก ๆ ที่จะทำให้บะหมี่เบตงกลายเป็นที่รู้จักของคนในวงกว้างมากยิ่งขึ้น และทำให้เป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของนักท่องเที่ยวคนไทยที่ต้องซื้อ ต้องชิม เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวเบตงด้วย”

ที่สำคัญ ด้วยเครดิตต้นทุนด้านสังคมที่ตัวเองพอมีอยู่บ้าง จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบอาหารคุณภาพ ที่มีรสชาติเสมือนกลิ่นอายฝีมือแม่ หรือ like mother cook ให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ และคนที่เคารพนับถือโดยในช่วงเริ่มต้นธุรกิจนี้จะมีโปรดักต์หลัก 2 ตัว คือ บะหมี่ฮกเกี้ยน (กุ้ง) จำหน่ายในราคา 129 บาท และบะหมี่แกงกะหรี่เบตง จำหน่ายในราคา 89 บาทซึ่งสูตรดั้งเดิมที่เบตงจะเป็นบะหมี่เส้นขาว หรือที่ภาษากวางตุ้งเรียกกันว่า “กาไล้มัยฝัน” อาหารเช้าของชาวเบตง แต่สินค้าที่ทำออกสู่ตลาดในช่วงนี้จะมี 3 สูตร คือ เส้นบะหมี่ขาว, เส้นบะหมี่เหลือง และเส้นผสมทั้งบะหมี่ขาวและบะหมี่เหลืองในชามเดียวกัน และยังมีแผนเพิ่มสินค้าประเภทเครื่องดื่มอีก 2 โปรดักต์ คือ น้ำจับเลี้ยงเบตง รสชาติเข้มข้น หอมสมุนไพร เครื่องดื่มสมุนไพรที่ช่วยดับกระหายและแก้ร้อนในและน้ำเก๊กฮวย ซึ่งเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรตัวหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มผู้บริโภคทั่วไปด้วย

สำหรับช่องทางการจำหน่ายนั้น “สุรวัช”บอกว่า ในระหว่างที่อยู่ในช่วงของประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินนี้ หน้าร้าน (โครงการ Chic District ซอยรามคำแหง 53) ยังไม่สามารถเปิดให้บริการแบบนั่งรับประทานได้ ลูกค้าที่สนใจขณะนี้สามารถสั่งซื้อได้ทาง โทร.06-2392-4636, แอด Line ID : @kimhokkienmee หรือ https://lin.ee/mDAkLRO , LINE MAN และ Facebook :จี๊กิม บะหมี่ฮกเกี้ยน

ผู้คร่ำหวอดในวงการท่องเที่ยวรายนี้ยังฝากข้อคิดทิ้งท้ายด้วยว่า อยากให้การลุกขึ้นมาทำธุรกิจขายบะหมี่ครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับคนท่องเที่ยวบางส่วนที่กำลังมองหาช่องทางสร้างงานสร้างอาชีพ ว่าอย่าท้อแท้ และอย่าดูถูกอาชีพ ไม่รังเกียจการทำมาหากิน ที่สำคัญต้องพร้อมฝ่าฟันวิกฤต อย่ามัวแต่นั่งดูปัญหาและรอความช่วยเหลือจากภาครัฐ เพราะวิกฤตรอบนี้หนักหนาสาหัสกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องสู้เท่านั้นถึงจะชนะ…