“ล็อตเต้” ปักหลักสู้ไม่ถอย ลุ้นสัมปทานดิวตี้ฟรีรอบใหม่

เป็นการย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. จะเปิดทางให้ผู้ประกอบการร้านค้าปลอดอากรรายใหม่เข้ามาขอเปิดจุดส่งมอบสินค้า หรือ Pick Up Counter ได้อีกครั้งก็ต่อเมื่อสัญญาสัมปทานระหว่าง ทอท.กับ “คิง เพาเวอร์” ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายเดิมสิ้นสุดลง

โดยที่ประชุมบอร์ด ทอท. ครั้งที่ 10/2560 เมื่อ 20 กันยายนที่ผ่านมา ที่มี “ประสงค์ พูนธเนศ” อธิบดีกรมสรรพากร ในฐานะประธานกรรมการเป็นประธาน ทอท. ได้สรุปแนวทางดำเนินการเกี่ยวกับจุดส่งมอบสินค้าไว้ชัดเจนว่า ในกรณีการให้สัมปทานผู้ประกอบการร้านค้าปลอดอากรครั้งต่อไป เมื่อสัญญาแต่ละท่าอากาศยานสิ้นสุดลงให้ดำเนินการโดยวิธีประมูล และให้เป็นไปในลักษณะใช้ร่วมกัน (Common Use) เช่นเดียวกับที่ดำเนินการที่ท่าอากาศยานภูเก็ต

นั่นหมายความว่าระหว่างนี้กระทั่งถึงต้นปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สัญญาเดิมของสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ และปี 2565 ที่สัญญาเดิมของสนามบินนานาชาติดอนเมืองจะสิ้นสุดลงนั้น ทอท.จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงและเปิดจุดส่งมอบสินค้าให้กับผู้ประกอบการรายใดแน่นอน อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ก็จะเร่งทำแผนเพื่อเปิดประมูลสัมปทานรอบใหม่ให้แล้วเสร็จภายในปี 2562 นี้

มั่นใจมีทางออก

แหล่งข่าวระดับสูงจากศูนย์การค้าโชว์ ดีซี ย่านพระราม 9 บอกกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เชื่อมั่นว่าปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น และยังทำให้ร้านค้าปลอดภาษี ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี ในศูนย์การค้าโชว์ ดีซี ยังไม่สามารถเปิดให้บริการได้ครบวงจรตามแผนที่วางไว้นั้นจะคลี่คลายและมีทางออกที่ดีได้เร็ว ๆ นี้

โดยทางล็อตเต้ฯ สาขาศูนย์การค้าโชว์ ดีซี ได้เปิดให้บริการในเฟสแรกไปแล้ว เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดพื้นที่จำหน่ายสินค้าที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถนำออกนอกประเทศได้เลย อาทิ สินค้าที่เป็นแบรนด์ไทย ประเภทขนม ของฝาก ของที่ระลึก เสื้อผ้า ฯลฯ รวมถึงสินค้าประเภทเครื่องสำอางที่เป็นแบรนด์ต่างประเทศ ส่วนโซนสินค้าที่เป็นแบรนด์เนมชั้นนำที่นักท่องเที่ยวต้องไปรับสินค้า ณ จุดส่งมอบที่สนามบินนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้

อย่างไรก็ตาม “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี” ก็ยังคงยืนยันว่า ยังมั่นใจในศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของประเทศไทย ภายใต้การนำของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ได้สัญญามาโดยตลอดว่าจะดูแลและให้การสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติอย่างดีและเท่าเทียม

“เราเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะมีทางออกที่ดี เพราะก่อนที่เราจะตัดสินใจเข้ามาลงทุนก็ได้ศึกษาข้อมูลและสอบถามผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วว่าเราสามารถลงทุนได้”

มองเมืองไทยคือ “อนาคต”

สอดรับกับแหล่งข่าวจากร้านค้าปลอดอากร ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี รายหนึ่งที่บอกว่า ด้วยศักยภาพของ “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี” ซึ่งเป็นร้านค้าปลอดอากรอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก หากสามารถเปิดให้บริการในเมืองไทยได้ก็จะเป็นตัวแปรหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ภาคเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเติบโตได้มากยิ่งขึ้น

พร้อมเปิดเผยด้วยว่า กลุ่ม “ล็อตเต้” มีธุรกิจและประสบการณ์ในธุรกิจท่องเที่ยวมากว่า 30 ปี และในปี 2559 ที่ผ่านมา มีรายได้รวมราว 8 แสนล้านบาท การนำเงินมาลงทุนในประเทศไทย ประมาณ 2,000 ล้านบาท ในช่วงที่ผ่านมานั้น คงไม่ได้ทำให้ธุรกิจโดยรวมของกลุ่มล็อตเต้สะเทือนได้

“ต้องยอมรับว่าเครือข่ายของล็อตเต้นั้นใหญ่มาก นอกจากนี้ เขาก็รู้จักเมืองไทยดี เพราะก่อนหน้านี้ก็มีธุรกิจอื่น ๆ ที่ทำตลาดอยู่ในประเทศไทยมานานแล้วร้านค้าดิวตี้ฟรีไม่ใช่ธุรกิจแรกที่เข้ามาเปิดในเมืองไทย”

ที่สำคัญ ที่ผ่านมากลุ่มล็อตเต้มองว่า “เมืองไทยคืออนาคต”

สำหรับ “ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรี” ที่ศูนย์การค้าโชว์ ดีซี นั้นถือเป็นโครงการนำร่องเท่านั้น

หลังจากนี้ไป ล็อตเต้ยังมีแผนเปิดให้บริการไปยังเมืองท่องเที่ยวต่าง ๆ อาทิ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ฯลฯ ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 3-5 ปีข้างหน้านี้


ปัญหาการเปิดจุดส่งมอบสินค้าที่สนามบินในห้วงเวลานี้ อาจทำให้ “ล็อตเต้” สะดุดไปบ้าง แต่ในระยะยาวเชื่อว่าการแข่งขันของธุรกิจร้านค้าปลอดอากร หรือ “ดิวตี้ฟรี” ในเมืองไทยรุนแรงขึ้นแน่นอน