“ไทย”ติดท็อปฮิตตลาดอินเดีย นักท่องเที่ยวส่งสัญญาณบวก-ถามหาฟรีVOA

ไทยยืนท็อปเดสติเนชั่นตลาดอินเดีย ! ททท.สำนักงานมุมไบ-เดลี คาดอินเดียพร้อมเดินทางต่างประเทศกันยายนนี้ เริ่มถามหามาตรการฟรี VOA เผยนิวนอร์มอลใหม่ท่องเที่ยวราคาสูงขึ้น ผู้ประกอบการต้องมุ่งสร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่า พร้อมสรรหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่มาเติมเต็ม ชี้เอเย่นต์นำเที่ยวจะทวีความสำคัญมากขึ้น แนะลงทุนเทรนนิ่งพนักงาน-ยกระดับเทคโนโลยี

นางชลดา สิทธิวรรณ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานมุมไบ และนายวชิรชัย สิริสัมพันธ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเดลี ร่วมกันเปิดเผยว่า หลังจากอินเดียเข้าสู่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนและยกเลิกการเดินทางออกไปก่อน แต่นักท่องเที่ยวอินเดียก็ยังคงมีความต้องการเดินทางท่องเที่ยวหลังสถานการณ์คลี่คลาย โดยมีการสอบถามเกี่ยวกับการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

ถามหามาตรการฟรี VOA

โดยนอกจากเรื่องความปลอดภัยและคำแนะนำในการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว หนึ่งในสิ่งที่นักท่องเที่ยวอินเดียให้ความสำคัญและถามถึงบ่อยครั้งคือ เรื่องมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ฟรี VOA)ว่าในอนาคตไทยจะกลับมาใช้มาตรการนี้ต่อหรือไม่ อย่างไร รวมถึงการสอบถามถึงช่วงเวลาในการเดินทางท่องเที่ยวไทยที่ดีที่สุด รวมถึงประเด็นที่ว่าเมื่อไรจะสามารถกลับมาเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยได้อีกครั้ง

“จากแนวโน้มนี้ทำให้เห็นว่านักท่องเที่ยวอินเดียยังมีความต้องการจะเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย และไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอินเดียเช่นเดียวกับสิงคโปร์และดูไบ โดยระหว่างนี้ในส่วนที่ ททท.ทั้ง 2 สำนักงานสามารถทำได้คือ อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวอินเดียอย่างเต็มที่ ทั้งการตอบคำถาม ประสานงานเรื่องการรีฟันด์หรือเรื่องอื่น ๆ”

คาดกันยายนเริ่มเดินทาง ตปท.

ทั้งนี้ จากสถานการณ์จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอินเดียขณะนี้มีอัตราเพิ่มกว่า 3,000 คนต่อวัน ทำให้ตัวเลข ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2563 มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 75,000 คน และสถานการณ์ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของจำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศ จึงคาดว่าอาจจะยังต้องขยายเวลาล็อกดาวน์ไปถึงปลายเดือนพฤษภาคมหรือกรกฎาคม และคาดหวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ และจะเริ่มเห็นการเดินทางภายในประเทศ ก่อนการเดินทางระหว่างประเทศจะตามมาในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า หรือราวเดือนกันยายนนี้ ซึ่งขณะนี้สายการบินไทยก็มีแผนที่จะเปิดบินในเส้นทางสู่อินเดียไฟลต์แรกในเดือนกรกฎาคม และจะทยอยกลับมาเปิดบินเพิ่มอีก 2 เส้นทางภายในเดือนตุลาคม และขยายเพิ่มต่อไปตามดีมานด์ตลาด

ผู้อำนวยการสำนักงานในอินเดียทั้ง 2 สำนักงาน กล่าวด้วยว่า สำหรับนักท่องเที่ยวอินเดียกลุ่มแรกที่จะเริ่มเดินทางจะเป็นกลุ่มเจนวายหรือมิลเลนเนียลที่มีการศึกษาดี เข้าถึงองค์ความรู้ และไม่กลัวการเดินทาง ซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายทางด้านการท่องเที่ยวของหลายประเทศ รวมถึงการกระตุ้นการเดินทางภายในประเทศของอินเดียเองก็ด้วยเช่นกัน

“ท่องเที่ยว” มีราคาสูงขึ้น

พร้อมทั้งระบุอีกว่า สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปแน่นอนหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คือ การท่องเที่ยวจะกลายเป็นความหรูหราที่จับต้องได้ (affordable luxury) เนื่องจากมีราคาสูงและความคาดหวังที่สูง นักท่องเที่ยวต้องการประสบการณ์พิเศษและแหล่งท่องเที่ยวมีคุณภาพมากขึ้น โดยสิ่งที่จะมีความสำคัญต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวอินเดีย2 อย่างคือ ความปลอดภัยสุขอนามัยและราคา นอกจากนั้น การเดินทางจะใช้เวลาวางแผนนานขึ้นและใช้ระยะจองล่วงหน้ามากกว่าที่ผ่านมาด้วย

โดยสิ่งที่ต้องยอมรับว่าจะเกิดขึ้นแน่นอนคือ ราคาการท่องเที่ยวที่จะไม่ถูกเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งผู้ประกอบการต้องหาจุดที่เหมาะสมในการดีลกับความคาดหวังของนักท่องเที่ยว พร้อม ๆกับการให้บริการ โดยความปลอดภัยถือเป็นปัจจัยหลัก โดยไทยอาจจะไม่สามารถกลับไปเติบโตสูงมาก ๆ อย่างในปีที่ผ่านมาได้ ด้วยจำนวนเที่ยวบินและความยากง่ายในการเพิ่มจำนวนไฟลต์และเปิดบินใหม่

เอเย่นต์ทวีความสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าบริษัทนำเที่ยวจะกลับมามีบทบาทค่อนข้างมากในเวลาที่นักท่องเที่ยวต้องการข้อมูลและคำแนะนำ ดังนั้น ในเวลานี้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวไทยควรจะให้ความสำคัญกับการติดต่อและรักษาความสัมพันธ์กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวอินเดีย ทั้งคอยส่งข่าวและหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ หรือมุมมองใหม่ในพื้นที่ท่องเที่ยวเดิมของคนอินเดียมานำเสนอ โดยคนอินเดียนั้นชอบติดต่อสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดต่อสื่อสารเฉพาะบุคคล

“เอเย่นต์อินเดียพร้อมมากที่จะขายประเทศไทย เพราะไทยเป็นจุดหมายปลายทางโปรดตลอดกาลของคนอินเดีย ขอเพียงแนะนำสินค้าใหม่ ๆ ทั้งในแหล่งท่องเที่ยวเดิมและแหล่งท่องเที่ยวใหม่ อย่างแพ็กเกจบียอนด์พัทยา หรือบียอนด์ภูเก็ต ก็ได้รับความสนใจอย่างมาก รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียงอย่างกระบี่ด้วย”

ชี้อินเดียฟื้นตัวเร็ว

ด้านนายทีภัค ราวัต รองประธานอาวุโส บริษัท เมคมายทริป จำกัด (Deepak Rawat Senior Vice President-Holiday, MakeMyTrip) ผู้ให้บริการจองท่องเที่ยวออนไลน์ของอินเดีย และนางซูซาน เพอไรรา รองประธานอาวุโส บริษัท โทมัส คุก อินเดีย จำกัด (Suzanne Pereira Senior Vice President, Thomas Cook India) ร่วมกันเปิดเผยว่าสถานการณ์โควิด-19 ในปัจจุบันเป็นสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมหาศาล ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลามากกว่า 6 เดือนในการฟื้นฟูให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้นักท่องเที่ยวอยากที่จะออกเดินทางท่องเที่ยว แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ อาทิ การกลับมาเปิดบินของสายการบินร่วมด้วย

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอินเดียจะใช้เวลาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และนักท่องเที่ยวอินเดียจะเป็นหนึ่งในสัญชาติแรก ๆ ที่ตัดสินใจเดินทางอย่างแน่นอน โดยคาดว่ากลุ่มที่จะออกเดินทางก่อนคือ นักท่องเที่ยวกลุ่มมิลเลนเนียล ตามด้วยกลุ่มครอบครัว/เพื่อน ที่กังวลเรื่องความปลอดภัยมากกว่า

ในขณะที่กลุ่มเดินทางเพื่อธุรกิจ ประชุม สัมมนา หรือไมซ์ น่าจะออกเดินทางเป็นกลุ่มสุดท้าย โดยคาดว่าความปลอดภัยจะกลายเป็นข้อกังวลสำคัญ ตั้งแต่การเดินทาง การขนส่ง การพักผ่อน ที่พักอาศัย อาหาร ฯลฯ

แนะลงทุนเทรนนิ่ง-เทคโนโลยี

ดังนั้น ผู้ประกอบการท่องเที่ยวควรจะให้ความสำคัญและลงทุนกับการอบรมให้บุคลากรในบริษัทมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยวอย่างระมัดระวัง และสามารถปฏิบัติตามแนวทางรักษาสุขอนามัยของสาธารณสุขได้ เช่นเดียวกับที่จะต้องหันมาลงทุนกับเทคโนโลยีให้มากขึ้น และทำงานคอนเทนต์เพื่อสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางออนไลน์ให้แตกต่างและยูนีค รวมทั้งทำงานกับพาร์ตเนอร์อย่างใกล้ชิด

นอกจากนั้น ภาคการท่องเที่ยวและรัฐบาลของไทยควรจะสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยเปิดรับทั้งจำนวนและรายได้ ผ่านการอำนวยความสะดวกด้านวีซ่าและการเสนอข้อตกลงแบบอินเซนทีฟ เพื่อให้ไทยได้รับความนิยมระดับท็อปลิสต์ของนักท่องเที่ยวอินเดียต่อไป