อินเดีย-เอเชียใต้ซมพิษโควิด ททท.ลุ้นนักท่องเที่ยวพลิกฟื้นต้นปีหน้า

เชื้อโควิดยังรุนแรง ! ทุบตลาด “อินเดีย-เอเชียใต้” ททท.ชี้นักท่องเที่ยวกลุ่มเอเชียใต้เริ่มเดินทางอีกครั้งต้นปีหน้าคาดกลุ่มนักธุรกิจ-เชิงการแพทย์ออกเดินทางกลุ่มแรก เผยหลายชาติเตรียมพร้อมดูดอินเดียเข้าประเทศแล้ว ด้าน “เดสติเนชั่น สยาม” ผู้นำการขายตลาดอินเดีย เชื่อหลังจบโควิดตลาดอินเดียในไทยจะหลากหลาย-ลักเซอรี่มากขึ้น แนะผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมด้านซัพพลายรองรับ

นายกฤษฎา รัตนพฤกษ์ ผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงภูมิภาคเอเชียใต้ที่ยังไม่สามารถจัดการกับวิกฤตการณ์โควิดครั้งนี้ และน่าจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยคาดว่าน่าจะยาวนานไปจนถึงช่วงต้นปี 2564 การท่องเที่ยวในโซนเอเชียใต้จึงจะกลับมาคึกคักใกล้เคียงกับปกติอีกครั้ง

กลุ่มธุรกิจ-การแพทย์มาก่อน

โดยคาดว่ากลุ่มแรกที่จะออกเดินทางจากภูมิภาคเอเชียใต้มายังประเทศไทย คือ กลุ่มนักธุรกิจที่จำเป็นจะต้องออกเดินทางเพื่อทำงาน ตามด้วยนักท่องเที่ยวกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อการแพทย์ เนื่องจากประชากรโลกจะเริ่มหันมาให้ความสนใจกับการดูแลรักษาสุขภาพมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นจึงจะเป็นเวลาเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วไป

“แม้ว่าขณะนี้นักท่องเที่ยวจากทั้งอินเดีย ปากีสถาน และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียใต้จะอยากเดินทางท่องเที่ยว แต่ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ยังไม่เหมาะนักเพราะการแพร่ระบาดยังคงอยู่ โดยสำนักงานเดลี และมุมไบประเมินว่าการแพร่ระบาดของโควิดในอินเดียยังไม่ถึงจุดที่พีกที่สุด การท่องเที่ยวจึงไม่อาจกลับมาเร็วอย่างที่คิด ยกเว้นว่าจะมีปัจจัยอื่น ๆ สนับสนุน”

ระบาดหนักแต่ (ยัง) เนื้อหอม

อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศดังกล่าวจะยังไม่สามารถระงับการแพร่ระบาดได้ในเร็ว ๆ นี้ แต่ตลาดอินเดียและเอเชียใต้เป็นที่ต้องการของหลาย ๆ ประเทศ อาทิสิงคโปร์ ที่คณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติสิงคโปร์ประกาศเดินหน้าทำตลาดอินเดียแล้ว โดยมุ่งเน้นตลาดลักเซอรี่เป็นหลัก สำหรับไทยการคัดกรองนักท่องเที่ยวอินเดียที่แข็งแรงออกจากผู้ติดเชื้อไม่ใช่เรื่องง่าย

ขณะเดียวกัน เริ่มมีผู้ประกอบการจากเอเชียใต้สอบถามถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง หรือฟรี VOA ของไทยแล้ว ซึ่ง VOA มีส่วนสำคัญกับการเดินทางค่อนข้างมาก เพราะประเทศในกลุ่มเอเชียใต้จำเป็นต้องใช้วีซ่าในการเดินทางเข้าประเทศไทย

4 ประเทศเอเชียใต้ยังทรงตัว

สำหรับตลาดปากีสถานที่ในปีที่ผ่านมามีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยกว่า 82,500 คน และมีค่าใช้จ่ายต่อคนต่อหัวค่อนข้างสูงจากการเดินทางมาท่องเที่ยวเชิงการแพทย์นั้น ททท.ได้ประสานงานกับสถานทูตไทยในปากีสถาน และสถานทูตปากีสถาน เพื่อทำงานและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยปัจจุบันมีจำนวนเที่ยวบินมากขึ้นแล้ว แม้ปากีสถานจะมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงยังควบคุมเชื้อได้ไม่ดีนัก

ส่วนบังกลาเทศซึ่งเป็นตลาดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวใกล้เคียงปากีสถาน และถือเป็นตลาดที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง พบว่าได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการโรงพยาบาลอย่างมาก แต่เพราะมีปัญหาเรื่องการปลอมแปลงเอกสารการเดินทาง จึงทำให้การตรวจสอบเอกสารวีซ่าต้องทำอย่างละเอียด ปัจจุบันเริ่มเปิดให้มีการเดินทางภายในประเทศด้วยเครื่องบินแล้ว แต่ยังไม่มีการพูดถึงการท่องเที่ยวเท่าไรนัก เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงกว่า 50,000 คน

ขณะที่เนปาลนั้นถือว่าเป็นประเทศที่มีการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวในไทยที่ดี และในปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวกว่า 50,000 คน ปัจจุบันสถานการณ์การติดเชื้อไม่เลวร้ายนัก มีผู้ติดเชื้อเพียง 700 กว่าราย ดังนั้นจึงจัดอยู่ในกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์และนักธุรกิจที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับศรีลังกาที่การติดเชื้อต่ำ เพราะเป็นเกาะ แต่โอกาสจะเดินทางกลับมายังไม่ง่ายนัก ด้วยยังมีภาวะการแพร่ระบาดของเชื้ออยู่

ชี้ตลาดอินเดียขยับสู่ลักเซอรี่

ด้านนายปรีชา จำปี ผู้จัดการทั่วไปห้างหุ้นส่วนจำกัด เดสติเนชั่น สยาม ผู้นำการขายตลาดอินเดีย กล่าวเสริมว่าการฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในอินเดีย และประเทศต่าง ๆ ในเอเชียใต้ จะแบ่งเป็น 4 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1มิถุนายน-กันยายน 2563 ซึ่งไวรัสยังคงแพร่ระบาด ผู้ประกอบการทำได้ดีที่สุดคือ เตรียมความพร้อม สร้างจุดหมายปลายทางใหม่ ๆ และทำความเข้าใจกับห่วงโซ่อุปทานให้พร้อมช่วงที่ 2 ตุลาคม-ธันวาคม 2563 น่าจะเริ่มโรดโชว์ออกแฟมทริป และเริ่มทำการตลาดได้บ้างแล้ว ช่วงที่ 3มกราคม-พฤษภาคม 2564 ซึ่งปกตินักท่องเที่ยวอินเดียจะเดินทางมากในช่วงเดือนพฤษภาคมเพราะเป็นช่วงปิดภาคเรียน โดยมองว่าการเดินทางจะไม่เหมือนเดิมนักท่องเที่ยวจะเดินทางผ่าน DMC และเอเย่นต์มากขึ้น เพราะให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายคือ ตั้งแต่มิถุนายน 2564 เป็นต้นไปสถานการณ์จะเริ่มกลับเข้าสู่ปกติ

“ก่อนหน้าจะเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19เราถูกมองเป็นจุดหมายปลายทางราคาถูก แต่หลังจากนี้ทั่วโลกรวมถึงคนอินเดียจะมีกำลังซื้อลดลง ดังนั้นแม้คนอินเดียอยากจะเที่ยวแบบหรูหรา แต่การเดินทางไปประเทศต่าง ๆ ในยุโรปจะราคาแพงขึ้นมาก ในขณะที่ไทยแพงขึ้น แต่จะยังอยู่ในระดับความหรูหราที่สัมผัสได้ ในอนาคตตลาดอินเดียจะหลากหลายมากขึ้น” นายจำปีกล่าว และว่านอนาคตหากผู้ประกอบการไทยอยากจะช่วงชิงตลาดอินเดียและเอเชียใต้จำเป็นต้องผลิตและนำเสนอสื่อระดับชาติสู่ตลาดอินเดีย รวมถึงเตรียมความพร้อมด้านซัพพลายให้เหมาะสมกับตลาดเอเชียใต้ โดยเฉพาะเรื่องอาหาร เนื่องจากคนอินเดียชอบอาหารไทยมาก