“ละตินอเมริกา” ล็อกดาวน์ยาว ลุ้นนักท่องเที่ยวออกเดินทางต้นปีหน้า

“ละตินอเมริกา” ยังล็อกดาวน์ ! ฉุดเศรษฐกิจ-เลิกจ้างพุ่ง IMF คาดจีดีพีติดลบทั่วภูมิภาค กระทบการท่องเที่ยวลุ้นตลาดพลิกฟื้นอีกครั้งช่วงปลายปีต่อเนื่องไตรมาส 1/64 ททท.เตรียมพร้อมรุกตลาดเต็มที่หลังจบโควิด ย้ำเป็นตลาดคุณภาพ-พำนักยาว-ใช้จ่ายสูง

นายเจฟเฟอร์สัน แซนโทส ตัวแทนการตลาดประจำบราซิล และนายมานูเอล เฮอนานเดส ตัวแทนการตลาดประจำเม็กซิโก การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันเปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศในภูมิภาคละตินอเมริกายังคงอยู่ในช่วงล็อกดาวน์ไปจนถึงสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ทำให้มีการเลื่อนและยกเลิกการเดินทางพร้อมกับการยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด ส่งผลให้เกิดการเลิกจ้างเพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาค รัฐบาลจึงพยายามออกแคมเปญช่วยเหลือโดยการขอให้ยกเว้นการยกเลิกทริปและเปลี่ยนมาใช้การเลื่อนวันเดินทางแทน

โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund : IMF) คาดการณ์ว่า จีดีพีทั่วละตินอเมริกาในปี 2563 นี้จะติดลบ และเศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างหนัก ทำให้ละตินอเมริกาต้องอาศัยเวลาในการฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้การกลับมาเดินทางท่องเที่ยวยากขึ้น โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 เมื่อวิกฤตการณ์อยู่ภายใต้การควบคุม เศรษฐกิจจะกลับมาเป็นปกติ

และนักท่องเที่ยวจึงจะกลับมาวางแผนการเดินทางได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ ประเมินว่าในช่วงเดือนสิงหาคม หรือกันยายนที่จะถึงนี้ ประเทศในแถบละตินอเมริกาน่าจะสามารถกลับมาท่องเที่ยวภายในประเทศได้ จากนั้นจะเริ่มกลับมาเดินทางระยะไกลในช่วงเดือนธันวาคมนี้ หรือมกราคม 2564 โดยสายการบินส่วนใหญ่จะกลับมาบินเส้นทางภายในประเทศในเดือนมิถุนายนนี้ก่อนที่จะขยับไปสู่การเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศต่อไป

“ตลาดละตินอเมริกาจะยังคงเป็นตลาดท่องเที่ยวคุณภาพสำหรับประเทศไทย เนื่องด้วยจำนวนและอัตราการจับจ่ายใช้สอย โดยประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่ บราซิล, เม็กซิโก, อาร์เจนตินาและโคลอมเบีย สำหรับความนิยมของไทย ในตลาดบราซิลนั้นอยู่อันดับที่ 25 ของจุดหมายปลายทางยอดนิยม และหากโฟกัสเฉพาะประเทศในแถบเอเชีย ประเทศไทยเป็นรองเพียงจีนเท่านั้น โดยมีสหรัฐอเมริกา, อาร์เจนตินา และอิตาลี อยู่ใน 3 อันดับยอดนิยม”นายเจฟเฟอร์สันกล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปี 2562 ที่ผ่านมา สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะไม่สดใสนัก แต่การเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวบราซิลและเม็กซิโกที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจกว่าปีก่อน โดยบราซิลมีจำนวนนักท่องเที่ยว 70,357 คน เติบโต 4.22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับตัวเลข 32,537 คน เติบโตกว่า 8.68% ของนักท่องเที่ยวเม็กซิโกที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทย และมีค่าเฉลี่ยการจับจ่ายใช้สอยกว่า 2,000-2,200 เหรียญสหรัฐ และพำนักยาวกว่า 14-15 วัน

“ถึงแม้สถานการณ์โควิด-19 จะไม่สดใสนัก แต่มั่นใจว่าเมื่อสถานการณ์สิ้นสุดลง ตลาดละตินอเมริกาจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม หรือแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากพื้นฐานรักการท่องเที่ยวและการผจญภัยของประชากรละตินอเมริกา ททท.จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามา และเชื่อว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้น่าจะเริ่มกลับเข้ามาเที่ยวในช่วงปลายปีนี้ หรือในไตรมาส 1 ของปี 2564”

นายเจฟเฟอร์สันกล่าวต่อไปอีกว่าตลาดศักยภาพในภูมิภาคละตินอเมริกาสำหรับไทย ได้แก่ ตลาดลักเซอรี่A/A++ ตลาดมิลเลนเนียล ตลาดมัลติเจเนอเรชั่น และตลาดฮันนีมูนโดยกลุ่ม AA/AAA น่าจะเริ่มท่องเที่ยวก่อนกลุ่มอื่น ๆ ซึ่งโดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวจากแถบนี้มักจะมองหาโอกาสท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวต่าง ๆ สำหรับจุดหมายปลายทางยอดนิยมในไทยของตลาดละตินอเมริกา ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต กระบี่ สมุย เกาะกูด ฯลฯ

โดยพฤติกรรมนักท่องเที่ยวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างแน่นอนหลังพ้นจากสถานการณ์โควิด-19 และให้ความหมายการท่องเที่ยวใหม่ ท่องเที่ยวแบบสัมผัสวิถีชีวิตและมนุษย์มากขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีของประเทศไทยในการขึ้นเป็นตัวเลือกแรกของการท่องเที่ยวเลเชอร์ของละตินอเมริกา ให้ความสำคัญกับจุดหมายปลายทางที่ต้องไปก่อนตาย และการเดินทางพร้อมหน้ากันแบบ

มัลติเจเนอเรชั่นมากขึ้นรวมทั้งยังให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นและจะเริ่มทำความรู้จักกับเส้นทางใหม่ ๆของสายการบิน และมองหาแพ็กเกจการท่องเที่ยวที่มีราคาคุ้มค่า ขณะเดียวกันยังมีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายผ่านระบบดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น รวมถึงกิจกรรมต่าง ๆ ที่สามารถทำผ่านระบบดิจิทัลได้ด้วย