“ไมเนอร์ฯ” ชี้ท่องเที่ยวฟื้น Q3 ทยอยเปิดโรงแรมในเครือรับ

ภาพจากมุมห้องนอน เห็นวิวทะเลอนันตรา หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา
ภาพประกอบข่าว : โรงแรม อนันตรา หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา (เว็บไซต์ : anantara.com )

“ไมเนอร์ฯ” คาดการณ์ธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งในไตรมาส 3 นี้เดินหน้าเข้มเรื่องความสะอาด-การให้บริการ หวังสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว ควบคู่กับการสร้างการเติบโตของแบรนด์อนันตรา พร้อมพัฒนาแบรนด์ “อวานี-ทิโวลี” ขึ้นสู่ระดับสากลในอนาคต เร่งทยอยเปิดโรงแรมแถบยุโรป เอเชีย ไทยเต็มรูปแบบอีกครั้ง รองรับดีมานด์หลังทุกประเทศทั่วโลกเริ่มคลายล็อกดาวน์ พร้อมเตรียมแคมเปญการตลาดขานรับมาตรการเที่ยวปันสุข

นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาเชิงกลยุทธ์บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ผู้บริหารธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงแรมอย่างรุนแรงและรวดเร็วมากกว่าวิกฤตในอดีตที่ผ่านมา แม้ล่าสุดหลายประเทศได้ส่งสัญญาณมาตรการคลายล็อกดาวน์ให้ภาคธุรกิจสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง โดยประเมินว่าภาพรวมธุรกิจโรงแรมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3 นี้และภาคธุรกิจจะค่อย ๆ กลับมาฟื้นตัว ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปีกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเต็มที่ และหลังจากนั้นจะทำให้นักท่องเที่ยวออกเดินทางมากขึ้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจโรงแรมในเครือไมเนอร์ฯ ขณะนี้ได้ทยอยเปิดให้บริการไปแล้วกว่า 50% ทั้งในกลุ่มยุโรป เอเชีย จีน เวียดนาม และไทย และจะเร่งทยอยเปิดอย่างเต็มรูปแบบต่อไป เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากภูมิภาคยุโรปที่เริ่มคลี่คลาย เปิดให้นักธุรกิจเดินทางได้ภายในประเทศ รวมทั้งแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาลที่ออกมาตรการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยว อาทิ ลดราคาโรงแรม และตั๋วเครื่องบิน รวมถึงส่วนลดค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ คาดว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจโรงแรมในเครือ

“หลังจากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว หรือแพ็กเกจเที่ยวปันสุข ด้วยการช่วยสนับสนุนค่าใช้จ่าย ที่พักและกิจกรรมของโรงแรม 40% ออกมา คาดว่าจะทำให้ธุรกิจโรงแรมกลับมาคึกคักได้อีกครั้งส่วนไมเนอร์ฯได้เตรียมจัดแคมเปญการตลาดให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล” นายชัยพัฒน์กล่าว

นายชัยพัฒน์กล่าวถึงแผนการดำเนินงานจากนี้ไปว่า สิ่งสำคัญที่ต้องทำเป็นอันดับแรก คือ เพิ่มความเข้มงวดเรื่องความสะอาด และการให้บริการ เพื่อดึงความเชื่อมั่นของนักเที่ยว ควบคู่กับการสร้างการเติบโตภายใต้แบรนด์อนันตรา ที่เน้นเปิดในเมืองหลักในทวีปยุโรป โดยคาดว่าภายในปี 2563 จะมีโรงแรมอนันตราประมาณ 50 แห่งทั่วโลกตลอดจนการเดินหน้าพัฒนาแบรนด์อวานี และทิโวลี เพื่อให้เป็นแบรนด์ระดับสากลในอนาคต รวมถึงการควบรวมการดําเนินงานกับโรงแรมเอ็นเอช โฮเทล ถือเป็นการเปิดโอกาสเชิงกลยุทธ์ ร่วมมือกับบริษัทภายในเครือ โดยแบรนด์ของโรงแรมอนันตราจะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้เอ็นเอช โฮเทล เพื่อดำเนินการเช่าและบริหารกลุ่มโรงแรมในทวีปยุโรป เพื่อขยายการเติบโตในอนาคต

นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดโรงแรมภายใต้สัญญาการรับจ้างบริหารอีก 49 แห่งภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ภายใต้การดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ที่บริษัทมีเป้าหมายจะมีโรงแรมภายใต้สัญญารับจ้างบริหารมากกว่า 230 แห่ง ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ คาดว่าจะทำให้สัดส่วนการรับจ้างบริหารเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากการรับจ้างบริหารเพียงร้อยละ 1 ของรายได้รวมทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมในเครือทั้งหมด 535 แห่ง และห้องพัก78,360 ห้อง โดยมีตลาดหลัก ได้แก่ ประเทศไทย ยุโรป ออสเตรเลียมัลดีฟส์ ละตินอเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง เป็นต้น

สำหรับโรงแรมที่กลับมาเปิดให้บริการ ประกอบด้วย โรงแรมในเครือเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ในยุโรป ซึ่งมีฐานลูกค้า 60% เปิดไปแล้ว 50% จากปัจจุบันมีจำนวนโรงแรมทั้งหมด 343 แห่ง (51,151 ห้อง) คาดว่าจะกลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ส่วนโรงแรมในภูมิภาคเอเชีย ในประเทศจีน และเวียดนาม กลับมาเปิดให้บริการแล้ว 29 แห่ง (2,988 ห้อง) รวมถึงโรงแรมในประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 28 แห่ง (5,009 ห้อง)

ขณะนี้ เปิดให้บริการไปกว่า 30% เริ่มจากโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯและโรงแรมในหัวหินที่เปิดให้บริการในช่วงต้นเดือนมิถุนายน ทำให้จำนวนการจองห้องเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ส่วนโรงแรมบางแห่งในจังหวัดภูเก็ต เกาะสมุย พัทยา (ชลบุรี) และขอนแก่น จะเริ่มทยอยกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั่้งในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมนี้