“พราว” เบรกโปรเจ็กต์ใหม่ ปั้น “หัวหิน” ดึงเงินไทยเที่ยวไทย

สัมภาษณ์พิเศษ

ครบ 10 ปีแล้วที่ “พราวพุธ ลิปตพัลลภ” ทายาทของนักการเมืองชื่อดัง “สุวัจน์ ลิมปพัลลภ” ก้าวเข้าสู่สนามธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ กลุ่ม integrated entertainment and resort เช่นเดียวกันก็เป็นปีที่ท่องเที่ยวทั่วโลกประสบกับวิกฤตการณ์หนักที่สุดอีกครั้งหนึ่ง นักท่องเที่ยวหยุดการเดินทาง 100% โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ

“ประชาชาติธุรกิจ” ได้ร่วมสัมภาษณ์ “พราวพุธ ลิปตพัลลภ” กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตทจำกัด ผู้บริหารโครงการสวนน้ำวานา นาวา หัวหิน และโรงแรมภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลและฮอลิเดย์อินน์ ที่หัวหิน (ประจวบฯ) และภูเก็ต ถึงทิศทางการปรับตัวหลังโควิด-19 ไว้ดังนี้

หนักสุดในชีวิตการทำธุรกิจ

“พราวพุธ” บอกว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19รอบนี้ เป็นวิกฤตที่หนักและส่งผลกระทบกับธุรกิจมากที่สุด นับตั้งแต่เธอเข้าสู่วงการธุรกิจเมื่อ 10 ปีก่อน เพราะกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรงรายได้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเป็นศูนย์ ขณะที่รายจ่ายยังคงปกติ

โดยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์จนกระทั่งมาถึงการปิดโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท, โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา และสวนน้ำวานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน

“วิกฤตครั้งนี้ไม่เหมือนกับทั้งภัยพิบัติน้ำท่วม, การชุมนุมทางการเมือง หรือว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ที่เราสูญเสียรายได้แค่ 20% จากช่วงเวลาปกติ แต่ในช่วงโควิดที่ผ่านมา รายได้ของเราหายไปทั้งหมด เพราะจำต้องปิดโรงแรมและสวนน้ำตามคำสั่งของทางจังหวัด ทำให้เราต้องกลับมาทบทวนถึงแนวทางการทำตลาดและการบริหารใหม่ เพื่อให้สามารถเอาตัวรอดได้ในช่วงเวลาวิกฤต”

“หัวหิน” โลเกชั่นแห่งความหวัง

“พราวพุธ” บอกด้วยว่า ผลกระทบที่หนักนี้ทำให้บริษัทต้องปรับแนวทางการตลาดและการบริหารงาน เพื่อหวังจะพยุงรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังต่อไปให้ได้ โดยหวังสร้างรายได้จากโลเกชั่น “หัวหิน” ซึ่งเป็นทำเลยอดนิยมของคนไทย มีศักยภาพในการทำตลาดเหมาะกับช่วงเวลานี้ที่คนไทยต้องการออกเดินทางเพื่อผ่อนคลายความอึดอัดจากการล็อกดาวน์ และยังกังวลที่จะท่องเที่ยวโดยการโดยสารเครื่องบิน

“เราเริ่มเปิดให้บริการโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท มาตั้งแต่ 3 สัปดาห์ก่อน พบว่าได้รับผลตอบรับที่ดีกว่าที่คาดไว้มาก อัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงถึง 60% และอัตราการเข้าพักในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เต็ม 100%”

และมองว่าดีมานด์ในการท่องเที่ยวพื้นที่หัวหินในช่วงเวลานี้น่าจะเป็นผลจากความพยายามในการทำโปรโมชั่นอย่างต่อเนื่องของผู้ประกอบการในพื้นที่ ยอมลดราคาลงเพื่อจับตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยโดยตอนนี้โรงแรมส่วนใหญ่ที่เปิดให้บริการเลือกจะมอบส่วนลดอย่างน้อย 25% ให้กับผู้เข้าพัก ดังนั้น หัวหินจึงเป็นตลาดที่เราคาดหวังว่าจะสามารถสร้างรายได้จากกลุ่มลูกค้าชาวไทย

ส่วนตลาดภูเก็ตนั้น”พราวพุธ” บอกว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปิดทำการบินระหว่างประเทศและโรงแรมส่วนใหญ่ในพื้นที่ยังไม่เปิดให้บริการจนกว่าจะเริ่มเข้าสู่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป จึงคาดว่าการฟื้นตัวของ “พราวกรุ๊ป” ในปีนี้คงไม่เต็ม 100% ความท้าทายขององค์กรในช่วงหลังจากนี้จึงเป็นเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรจึงจะประคองธุรกิจผ่านช่วง 1-2 ปีนี้หรือจนกว่าจะคิดค้นวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ได้

อัดโปรฯกระตุ้นทุกรูปแบบ

โดย “พราวกรุ๊ป” ได้เร่งปรับแนวทางการบริหารงาน ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็นหันมาใช้บุคลากรในเครือแทนการจ้างเอาต์ซอร์ซและหันมาจับตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยและทำการตลาดในรูปแบบใหม่ ๆ ขายเป็นแพ็กเกจ และขายยกพื้นที่มากขึ้นพร้อมเดินหน้ายกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยและความสะอาด ทั้งในส่วนของโรงแรมและสวนน้ำ ยึดตามมาตรฐานของ IHG (Inter Continental Hotels Group) และ IAAPA (The International Association of Amusement Parks) จนได้รับมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย SHAจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แล้ว ขณะเดียวกันยังได้เสนอโปรโมชั่นใหม่ ๆ ทั้งมอบราคาพิเศษ ทั้งที่พัก อาหาร สปา และสวนน้ำให้กับลูกค้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลหัวหิน รีสอร์ท, โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัลภูเก็ต รีสอร์ท และโรงแรมฮอลิเดย์อินน์รีสอร์ท วานา นาวา รวมถึงจัดโปรโมชั่นต้อนรับการกลับมาใหม่ของสวนน้ำในราคาพิเศษและเป็นครั้งแรกที่จัดทำแพ็กเกจพิเศษเที่ยวสวนน้ำแบบส่วนตัว

และได้เตรียมเครื่องเล่นใหม่อย่าง”VR-Slide” ซึ่งสวนน้ำ วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล หัวหิน จะเป็นสวนน้ำแห่งแรกในเอเชียที่มีการใช้แว่น VRผสานความสนุกกับเครื่องเล่น รวมถึงทำการตลาดเจาะกลุ่มใหม่อย่างกลุ่มเพื่อน หรือครอบครัวขนาดใหญ่ และกลุ่มบริษัท ขายบัตรเหมาเป็นชั่วโมงเพื่อให้ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสามารถเข้าใช้สวนน้ำได้แบบแยกเดี่ยว

ชะลอลงทุนโครงการใหม่

“พราวพุธ” ยังบอกอีกว่า สำหรับแผนการลงทุนในอนาคตนั้นอาจชะลอไปก่อน จะโฟกัสโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างใน 2 โครงการ ได้แก่ สวนน้ำอันดามันดา ภูเก็ต ที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างระยะที่ 1 งบประมาณ3,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะซอฟต์โอเพนนิ่งในช่วงต้นปีหน้า เนื่องจากความล่าช้าในการก่อสร้างจากกรณีปิดเกาะและดีมานด์ที่จะลดน้อยลง

และโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัล เรสซิเดนเซส หัวหิน แบรนด์เรสซิเดนซ์ของกลุ่มพราวที่อยู่ระหว่างงานก่อสร้างและได้รับผลกระทบไม่มากนัก และยังเปิดให้ผู้สนใจจอง ซึ่งได้รับอานิสงส์จากโควิด-19 ในด้านดีบ้างเล็กน้อย เนื่องจากการทำให้คนไทยหันมาสนใจอสังหาริมทรัพย์หลังที่ 2 ในประเทศมากขึ้น ประกอบกับโครงสร้างพื้นฐานที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในอีก 2-3 ปีหัวหินน่าจะสามารถเป็นบ้านหลังที่ 1 ได้

พร้อมย้ำว่า ท่ามกลางวิกฤตครั้งนี้ยังพอมีด้านดีด้วย เพราะทำให้ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีแอ็กชั่นอย่างรวดเร็ว สถาบันทางการเงินช่วยพักชำระหนี้ ลดผลกระทบลงไปได้บ้าง เช่นเดียวกันกับที่พนักงานที่สามารถรับเงินชดเชยจากประกันสังคมได้

นอกจากนั้นยังเชื่อว่ามาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาลจะสามารถช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยวได้หลายเซ็กเมนต์ทั้งโรงแรมและแหล่งท่องเที่ยว.