“นกแอร์” ยันนกสกู๊ตปิดตัวไม่กระทบการดำเนินงานแม้ถือหุ้น 49.65%

“นกแอร์” แจงการเลิกกิจการของสายการบินนกสกู๊ตไม่กระทบต่อการดำเนินงานของนกแอร์ แม้ถือหุ้นอยู่ 49.65% ยันจะมุ่งมั่นให้บริการการบินในเส้นทางบินภายในประเทศตามปกติ เผยปัจจุบันให้บริการแล้ว 18 เส้นทาง รวม 70 เที่ยวบินต่อวัน มากที่สุดในประเทศในขณะนี้

นายประเวช องอาจสิทธิกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสายการบินนกแอร์ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการบริษัทวาระพิเศษ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2563 นั้น คณะกรรมการบริษัทได้มีมติรับทราบการเลิกกิจการ และชำระบัญชีของบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด โดยมีบริษัท นกมั่งคั่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ เข้าถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 49.65 ของทุนจดทะเบียน หรือคิดเป็น 1,470 ล้านบาท

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัท สายการบินนกสกู๊ต จำกัด มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้การคมนาคมระหว่างประเทศหยุดชะงัก และยังไม่มีแนวโน้มที่จะกลับมาเป็นปกติในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม การยกเลิกกิจการของนกสกู๊ตนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของนกแอร์

ด้านนายวุฒิภูมิ จุฬางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า เหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ส่งผลกระทบกับแผนการบินและการให้บริการของสายการบินนกแอร์แต่อย่างใด นกแอร์มุ่งมั่นที่จะให้บริการการบินในเส้นทางบินภายในประเทศตามปกติ

โดยในปัจจุบันนกแอร์ได้ให้บริการใน 18 เส้นทาง 70 เที่ยวบินต่อวัน ถือเป็นสายการบินที่ให้บริการผู้โดยสารมากที่สุดของไทยในขณะนี้ และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มจำนวนเที่ยวบินตามความต้องการของผู้โดยสารที่มีความต้องการที่จะเดินทางเพิ่มเติมอีกในอนาคต ส่วนการบินระหว่างประเทศนั้น เมื่อรัฐบาลแต่ละประเทศได้มีการอนุญาตให้มีการทำการบินได้ นกแอร์ก็จะกลับมาให้บริการในเส้นทาง ฮิโรชิมา ย่างกุ้ง และ โฮจิมินห์ตามเดิมในทันที