‘แกรนด์แอสเสท’ อ่วมพิษโควิด เร่ง ‘เที่ยวไทย’ ดันอัตราเข้าพัก

โควิดทุบ “แกรนด์ แอสเสทฯ” อัตราการเข้าพักเฉลี่ยร่วงเหลือไม่ถึง 10% เร่งบูสต์ท่องเที่ยวในประเทศดันอัตรา เข้าพักเพิ่ม เผยชะลอลงทุนโครงการใหม่ เดินหน้าโครงการเก่าเต็มกำลังส่วนดีลขายหุ้นรอยัล ออคิด เชอราตัน มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาทจบแน่กรกฎาคมนี้

นายวิชัย ทองแตง ประธานกรรมการ และนายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันเปิดเผยว่า กลุ่มโรงแรมในเครือได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้อัตราการเข้าพัก (OR) ลดเฉลี่ยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ลดลงเหลือต่ำกว่า 10% จาก 80% ในช่วงเวลาปกติ

โดยหลังจากการคลายล็อกและคนไทยเริ่มเดินทางท่องเที่ยวได้ในช่วงเดือนที่ผ่านมา โลเกชั่นหัวหินมีจำนวนคนเข้าพักเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีอัตราการเข้าพัก 100% ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยขยับขึ้นมาอยู่ที่ 50-60% แล้ว แต่ในโลเกชั่นอื่น ๆยังไม่มีความเปลี่ยนแปลงมากนัก

อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในเดือนเมษายน-พฤษภาคมที่ผ่านมา ต่อจากนี้เป็นช่วงเวลาของการฟื้นตัวขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนจะกลับมาเติบโตอย่างก้าวกระโดดหรือไม่คงอยู่ที่การเปิดน่านฟ้าให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาท่องเที่ยวในไทยได้อีกครั้งเมื่อไหร่

“ตอนนี้ต้องกระตุ้นนักเดินทางชาวไทยให้ออกท่องเที่ยว โดยเชื่อว่าวันหยุดยาวจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวได้อย่างมาก ซึ่งเราได้พยายามจะเตรียมความพร้อมและสร้างความชัดเจนในแนวทางปฏิบัติ โดยการผนึกกำลังกับพันธมิตรจากหลากหลายภาคธุรกิจทำโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยการยกระดับมาตรฐานด้านสุขอนามัยภายในโรงแรมให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างถาวร เพื่อให้เมื่อถึงเวลานักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ทันที” นายวิชัยกล่าว

ด้านนายชายนิด อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF กล่าวเสริมว่า จากโครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวของแกรนด์แอสเสทฯ น่าจะผลักดันให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของกลุ่มขยับจาก 20%ในช่วงครึ่งปีแรกไปเป็น 60% ในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปีไม่เกิน 50%

“ตอนนี้เราชะลอการลงทุนใหม่ท่ี่จะเข้ามาเพิ่มเติมไปก่อนจนถึงสิ้นปี 2563 เพื่อประเมินสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 2 แห่งนั้นเรายังต้องเดินหน้าต่อ ได้แก่ โครงการไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ อสังหาริมทรัพย์รูปแบบคอนโดฯย่านทองหล่อ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างและวางแผนแล้วเสร็จไว้ในช่วงปี 2564 และโครงการพัฒนาอสังหาฯแบบมิกซ์ยูสที่ประกอบด้วย โรงแรมคอนโดมิเนียม และวิลล่าหรูในพื้นที่จังหวัดระยอง มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 นี้ โดยส่วนโรงแรมที่ได้ทำสัญญากับกลุ่มผู้บริหารโรงแรมระดับโลกอย่างไฮแอทแล้ว” นายชายนิดกล่าว

นายชายนิดกล่าวด้วยว่า สำหรับการเปิดเจรจาขายหุ้นของโรงแรมรอยัลออคิด เชอราตัน ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาหาข้อตกลงกับนักลงทุนที่สนใจจะเข้าซื้อ โดยบริษัทที่สนใจและอยู่ระหว่างการเจรจาขณะนี้มี 4 เจ้า ซึ่งแรกเริ่มบริษัทต้องการจะขายหุ้น 49% แต่มีบางกลุ่มที่ต้องการจะขอซื้อ 100% โดยบอร์ดบริหารได้กำหนดราคาขาย 100% ไว้ว่าจะต้องไม่น้อยกว่า 6 พันล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้และได้รับผลตอบแทนไม่เกินไตรมาส 4 ของปี

โดยผลตอบแทนดังกล่าวจะเข้ามาเพิ่มกระแสเงินสดให้กับบริษัท โดยผลตอบแทนที่ได้จากการขายโรงแรมจะนำมาใช้คืนหุ้นกู้กว่า 80% และลงทุนในโครงการมิกซ์ยูสที่ระยองในระยะต่อ ๆ ไป แต่ถ้าหากดีลไม่ลงตัวก็ไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทแต่อย่างใด เพราะบริษัทได้จัดเตรียมกระแสเงินสดสำหรับชำระหุ้นกู้ล่วงหน้าไว้แล้ว 2 ปี

“โควิด-19 เป็นเรื่องที่ไม่ได้มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเจอ และเกิดมาในรอบร้อยปี แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีของกลุ่มเราที่ไม่ได้มีพอร์ตโรงแรมมากนักตอนนี้เราก็เข็ดจากธุรกิจโรงแรมเหมือนกันเพราะปัจจุบันกลุ่มมีสัดส่วนธุรกิจโรงแรมประมาณ 30-40% จากโรงแรม 6 แห่ง” นายชายนิดกล่าว