ครม. ไฟเขียว “เที่ยวปันสุข” นายกฯ ผุดไอเดียเที่ยววันธรรมดา

ครม. ไฟเขียว
ภาพจาก : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TourismThailand)

“ประยุทธ์” ไฟเขียวโครงการท่องเที่ยวร่วมจ่าย หรือ “เที่ยวปันสุข” เผยแนวคิดส่งเสริมท่องเที่ยววันธรรมดา หลัง ครม. อนุมัติชดเชยวันหยุดสงกรานต์

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เกี่ยวกับการพิจารณาอนุมัติโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยว วงเงินงบประมาณ 22,400 ล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติเรื่องการท่องเที่ยวแบบร่วมจ่าย และโครงการตอบแทนเจ้าหน้าที่สาธารณสุข วันนี้สั่งการให้มีการประชุม สัมมนาต่างจังหวัด ทุกกระทรวงต้องรายงานผล เพราะงบประมาณบางส่วนยังมีอยู่ เพราะต้องการส่งเสริมเรื่องโรงแรม สถานที่พัก ต้องการจัดสถานที่พักต่างๆ อย่างไรก็ตาม นายกฯ ระบุว่า ทุกสถานที่จะต้องมีมาตรการป้องกันโควิด-19

ทั้งนี้ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยด้วยว่า 2 แพ็กเกจท่องเที่ยวเดิมที่ชื่อว่า “เที่ยวปันสุข” และ “เราไปเที่ยวกัน” ได้ถูกนำมารวมกันเป็น “เราเที่ยวด้วยกัน” ส่วนอีกแพ็กเกจ คือ “กำลังใจ” ยังคงใช้ชื่อเดิม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศชื่อเว็บไซต์สำหรับลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ

สำหรับโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวดังกล่าว จะมีระยะเวลาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-ตุลาคม 2563 รวม 4 เดือน โดยใช้แหล่งเงินจากเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นการบริโภคภาคครัวเรือนและเอกชน (พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท)

นายกฯ ระบุด้วยว่า ในวันข้างหน้าจะปรับการท่องเที่ยวในวันธรรมดา ช่วงกลางสัปดาห์ แต่ต้องทำงานวันอื่นทดแทน เพราะวันนี้มีการเที่ยวเสาร์-อาทิตย์ เต็มไปหมด นี่คือการคิดใหม่

“วันนี้สถานการณ์ต่างประเทศยังรุนแรงอยู่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อ 10 ล้านคน เสียชีวิต 5 แสนราย อย่าประมาท แม้ประเทศไทยติดเชื้อ 3 พันรายดูเหมือนน้อย แต่หากมีการแพร่ระบาดจะทำอย่างไร วันนี้ตรวจสอบพบใน state quarantine เจอวันที่ 11 แล้ว ดังนั้น ประมาทไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ชี้แจง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีความจำเป็น

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า  เรื่องที่มีการคัดค้านการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นั้นไม่ตอบ เพราะมีเหตุผลและความจำเป็นอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ปิดกั้นประชาชนในการชุมนุมเลย สามารถขออนุญาตชุมชุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะ ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไม่ต้องการให้คนไปรวมกลุ่มมากๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 จะกลัวไม่กลัวก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้ขู่อยู่แล้ว ขอให้เข้าใจเจตนารมณ์การใช้กฎหมายด้วย พร้อมรับฟังทุกเรื่อง

“แต่อยู่ที่เราทุกคน รู้อยู่แล้วว่าอะไรคือความเสี่ยง อะไรคืออันตราย แต่อย่าเผลอพลั้งลืมตัว ไปดื่มสุราแล้วก็ไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น นี่คืออันตรายของพราเรา นายกฯ เป็นห่วงทุกคน มาตรการอาจเยอะไปบ้าง แต่เป็นการเริ่มต้น ถ้าดีก็สามารถผ่อนคลายอย่างอื่นได้อีกเหมือน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องใช้ 40 กฎหมาย ก็ต้องใช้ไปทำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

“แต่ที่ต้องมีเพราะให้เจ้าหน้าที่ทำร่วมกันได้ เพราะเป็นเฉพาะกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่พอก็ต้องบูรณาการคนเข้าไปทำงาน จึงต้องใช้กฎหมายรวม คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเพื่อให้เกิดมาตรฐานเดียวกัน หลายคนบอกว่าพื้นที่ตรงี้เชื้อแพร่ระบาดน้อยก็ไม่เห็นควรต้องใช้ แล้วโอกาสก็มีแพร่จากที่อื่นมีหรือไม่ มีโอกาสไปรับมาจากที่อื่นหรือไม่ ต้องวางมาตรการกลางในทุกพื้นที่เพื่อไม่ให้ก้าวล่วงซึ่งกันและกัน”

สั่งลุยตรวจ อาบ อบ นวด ห้ามค้าประเวณี

สำหรับมาตรการอนุญาตให้สถานบริการอาบอบนวดกลับมาเปิดกิจการ นายกฯ ระบุว่า ต้องคำนึงถึงสร้างความสมดุลอย่างไรระหว่างผู้ประกอบการ ผู้รับบริการที่อยู่ในห่วงโซ่เหล่านี้ ส่วนการห้ามค้าประเวณีปฏิบัติได้จริงหรือไม่ ก็คงต้องเข้าไปตรวจบ้างในสถานที่ ระมัดระวังแล้วกัน ถ้าถูกจับได้ก็ถูกลงโทษ เพราะถือว่าไม่ปฏิบัติตามมาตรการ และกฎหมายมีอยู่แล้ว

นายกฯ ระบุว่า การผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 5 มีความเสี่ยงสูง รัฐบาลต้องยอมรับความเสี่ยงเหล่านี้ แต่ก็เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์เอาไว้ ทั้งด้านสาธารณสุข การบริการ การตรวจโรค การรักษาโรค จึงกล้าเปิดมาตรการระยะที่ 5