“ดุสิตธานี” ไม่หวังทราเวลบับเบิ้ล โควิดไม่นิ่งเชื่อต่างชาติเดินทางตรุษจีน

Photo by Romeo GACAD / AFP

“ดุสิตธานี” ไม่หวังทราเวลบับเบิ้ล หลังระบาดระลอกสองทำหลายชาติหันล็อกดาวน์ คาดเปิดเดินทางจริง “ตรุษจีน” ปีหน้า ชี้วันธรรมดาฟันหลอนักท่องเที่ยวบางตา ผู้ประกอบการ-รัฐเร่งดันตลาด ระบุปีนี้เน้นทำตลาดไทยเที่ยวไทยเป็นหลัก

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามตรงตนยังไม่คาดหวังกับการเปิดการเดินทางระหว่างประเทศแบบจำกัด (travel bubble) ที่มีการพูดถึงมาแล้วในระยะหนึ่ง เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ยังดำเนินอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงการระบาดระลอกที่ 2 และ 3 และการกลับไปล็อกดาวน์ในกลุ่มประเทศต้นทางที่ไทยเล็งจะจับคู่ น่าจะทำให้โอกาสในการตัดสินใจเปิดประเทศของทั้งประเทศต้นทางและไทยลดน้อยลง

“จากเดิมคาดว่าเทศกาลวันชาติจีนในเดือนตุลาคมที่จะสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวได้บ้างแล้ว แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้การเปิดการท่องเที่ยวระหว่างประเทศทำได้ยาก โดยเชื่อว่าการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะเกิดได้จริงๆ อีกครั้งในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีหน้า ส่วนในปีนี้กลุ่มดุสิตธานีจะเดินหน้าทำตลาดในประเทศอย่างเต็มที่”

ทั้งนี้ หลังจากรัฐบาลประกาศเริ่มต้นคลายล็อกดาวน์มาจนถึงปัจจุบัน สถานการณ์ท่องเที่ยวก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก ด้วยนักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่นิยมออกเดินทางท่องเที่ยวในระยะใกล้ด้วยการขับรถยนต์ส่วนบุคคลในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ การเดินทางจึงกระจุกตัวอยู่ในช่วงสุดสัปดาห์และวันหยุดเทศกาลต่างๆ

ทำให้ในวันธรรมดานักท่องเที่ยวค่อนข้างบางตา เป็นผลให้ทั้งรัฐบาลและผู้ประกอบการมองหาแนวทางกระตุ้นการเดินทางในวันธรรมดามากขึ้น ผ่านโปรโมชันและมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยคาดว่าหากมาตรการของรัฐบาลออกมาก็น่าจะช่วยขับเคลื่อนการท่องเที่ยววันธรรมดาได้บ้างไม่มากก็น้อย

ในขณะเดียวกันจากปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้หลายฝ่ายกังวลถึงกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่วนตัวมองว่าคนที่มีกำลังจับจ่ายใช้สอยก็จะเดินหน้าใช้สอยต่อไป คนที่ไม่มีก็จะไม่มีอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น มาตรการรัฐที่เข้ามาสนับสนุนน่าจะทำให้เกิดการใช้จ่ายมากขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากประชาชนสามารถอาศัยส่วนลดในการจับจ่ายใช้สอยได้

พร้อมกันนั้นจำนวนดีมานด์และซัพพลายที่สวนทางกัน จากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดิมมีเป้าหมาย 40 ล้านคนในปี 2563 เหลือเพียงตัวเลขคาดการณ์ตลอดทั้งปีไม่เกิน 8 ล้านคน และสะสมไว้แล้วกว่า 6 ล้านคน ทำให้ในไม่กี่เดือนที่เหลือนี้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจะมีไม่เกิน 2 ล้านคน

ในเวลานี้จึงจำเป็นจะต้องพัฒนาจุดขายที่โดดเด่นให้กับแบรนด์ ดุสิตธานีจึงเลือกสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าด้วย “5 Gracious” ซึ่งประกอบองค์ประกอบ 5 ข้ออย่าง care, respect, personalized, warmth และ thoughtful มอบการบริการที่เหนือกว่าให้แบรนด์ยืนอยู่ในใจลูกค้าได้นานเท่านาน

นอกจากนั้น เพื่อให้สามารถผ่านช่วงเวลาวิกฤตไปได้ จำเป็นที่จะต้องประสานงานกับพาร์ทเนอร์ทางด้านต่าง ๆ เพื่อร่วมกับหาทางออกที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ โดยดุสิตธานีได้เริ่มพูดคุยกับสายการบินไทยแอร์เอเชีย เตรียมจัดแพ็กเกจบินข้ามภาคร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทางอย่างกว้างขวางขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทยที่ประชาชนยังเดินทางแค่ในระยะใกล้ๆ


ปัจจุบันดุสิตธานีได้กลับมาเปิดให้บริการโรงแรมในเครือเกือบ 100% แล้วทั้งในและต่างประเทศ เหลือเพียงโรงแรมดุสิตธานี มักตัน เซบู 1 แห่ง รวมถึงโรงแรมของดุสิตธานีในเชียงใหม่และภูเก็ตเท่านั้นที่ยังไม่เปิดให้บริการ