ล้มละลายไม่ได้ บอร์ดการบินไทย ชง 7 อรหันต์ทำแผนฟื้นฟูขึ้นศาล 17 ส.ค.นี้

จับตา ครม.เคาะ
ภาพ: การท่าอากาศยานอู่ตะเภา

บีบ 95 สัญญารัฐ-เจ้าหนี้การบินไทย ชาญศิลป์ พบ วิษณุ-ประธานมินิบอร์ด ก่อนชง 7 อรหันต์ฟื้นฟูศาลล้มละลายกลาง 17 สิงหาคมนี้

เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการติดตามการดำเนินการแก้ไขปัญหา บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ “มินิบอร์ด” เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อให้มารายงานความคืบหน้าของขั้นตอนการจัดทำแผนฟื้นฟูและการแก้ไขปัญหาของการบินไทย ในวันที่ 17 สิงหาคม 2563 บริษัทการบินไทยจะนำเอารายชื่อคณะผู้จัดทำแผนการฟื้นฟูฯ เข้าสู่การพิจารณาของศาลล้มละลายกลางตามขั้นตอนหลังจากที่ยื่นขอล้มละลายกับศาลไปก่อนหน้านี้

“การเรียกประชุมครั้งนี้ไม่ได้มีประเด็นต้องติดตามอะไรเป็นพิเศษ เป็นการเข้ามารายงานตามระยะเวลาที่ได้มีการนัดหมาย ซึ่งในสัปดาห์นี้จะเป็นการรายงานรายชื่อผู้จัดทำแผนการฟื้นฟูที่จะเข้าสู่การพิจารณาของศาลล้มละลายกลางในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นการรายงานตามปกติ ผมไม่ได้ไปขอดูแผนเพราะถ้าไปดูก็จะเป็นการล้วงลูก”

นายวิษณุกล่าวด้วยว่าในการประชุมครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ตนได้พบกับ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) ของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ แทน นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ซึ่งก็ถือเป็นโอกาสที่จะได้สอบถามดีดีคนใหม่ด้วยว่า เมื่อการบินไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว เขามีปัญหาอุปสรรคอะไรที่จะให้รัฐบาลช่วยแก้ไขปัญหาหรือไม่ โดยครั้งก่อนเขาเสนอเข้ามาหลายเรื่อง ตนก็รวบรวมและส่งให้รัฐบาลได้ช่วยแก้ไขไปแล้ว

ด้าน นายชาญศิลป์ กล่าวว่าในวันที่ 17 สิงหาคม 2563 บริษัทการบินไทยจะเสนอรายชื่อคณะผู้จัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทยให้กับศาลล้มละลายกลางพิจารณา ได้แก่ 1.บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด 2.พล.อ.อ. ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ประธานบอร์ดการบินไทย 3.นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล 4.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค 5.นายบุญทักษ์ หวังเจริญ 6.นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และ 7.ตนเอง เป็นผู้ทำแผนฟื้นฟูการบินไทย

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า หากศาลล้มละลายกลางเห็นด้วยกับรายชื่อดังกล่าวก็จะมีคำสั่งรับผู้ทำแผนตามที่บริษัทเสนอก็จะมีการลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา จากนั้นจึงจะเป็นขั้นตอนที่เปิดเจ้าหนี้เข้ามาแจ้งรายละเอียด และจะมีการลงรับรายชื่อเจ้าหนี้ทั้งที่บริษัทและที่กรมบังคับคดี เพื่อให้ทราบรายชื่อเจ้าหนี้และมูลหนี้ของบริษัท ซึ่งจะมีกำหนดระยะเวลามาว่าให้ยื่นถึงเมื่อไหร่ และระยะเวลาในการทำแผนฟื้นฟูต้องแล้วเสร็จภายในเมื่อไหร่ด้วย

ทั้งนี้ ความยากของการทำแผนฟื้นฟูคือการประเมินสถานการณ์ไปข้างหน้าว่าธุรกิจจะเป็นอย่างไร รายรับ และรายจ่ายของบริษัทจะเป็นอย่างไรซึ่งต้องมองไปในอนาคต

“ขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหนี้รายใดมายื่นคัดค้าน แต่ก็มีบางรายที่เข้าใจผิดว่าทำไมก่อนหน้านี้ไม่มีรายชื่อเป็นเจ้าหนี้ ตอนหลังได้มีการแจ้งไปแล้วว่ามีรายชื่อแล้วไม่มีปัญหา และส่วนใหญ่เจ้าหนี้ที่ได้ไปเดินสายไปพบทั้งสถาบันการเงิน เจ้าหนี้หุ้นกู้ เจ้าของที่เป็นเจ้าหนี้การเช่า ส่วนใหญ่ก็เห็นใจ เข้าใจ และเห็นด้วยกับการที่ให้เราเป็นผู้ทำแผนฟื้นฟู” นายชาญศิลป์กล่าว

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้ต้องเอาความรู้ที่มีมาช่วยการบินไทยในการบริหาร เอามาช่วยสายการบินที่มีความสำคัญระดับประเทศซึ่งในขณะนี้ทุกสายการบินมีปัญหา แต่ตนมองว่าการบินไทยยังมีจุดแข็งทั้งคนและทรัพยากรสำคัญที่จะฟื้นฟูให้กลับมาได้ ที่สำคัญบริษัทการบินไทยเป็นแบรนด์ของประเทศทั้งในเรื่องของวัฒนธรรม การท่องเที่ยว ร้านอาหารโรงแรม มีผลต่อเศรษฐกิจมาก มีการจ้างงาน และมีการทำหน้าที่เอานักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทยปีละ 17-18 ล้านคนต่อปีบริษัทการบินไทยจึงมีผลต่อเศรษฐกิจของประเทศมากจะปล่อยให้ล้มละลายไม่ได้ต้องใช้สัพพะกําลังในการฟื้นฟูให้กลับมาให้ได้

นายชาญศิลป์กล่าวว่า ส่วนการหารือกับนายวิษณุได้หารือในเรื่องความช่วยเหลือบริษัทการบินไทยกับทั้ง 9 หน่วยงานภาครัฐ ที่มีสัญญาอยู่กับการบินไทยอยู่กว่า 95 สัญญา ซึ่งเป็นสัญญาที่ทำไว้กับบริษัทการบินไทยในขณะที่บริษัทการบินไทยยังเป็นรัฐวิสาหกิจ เช่น สัญญาเช่าที่ดิน สัญญาการประกอบการในสนามบิน สัญญาที่ทำกับการท่าอากาศยาน สัญญาเรื่องการนำสินค้าเข้าออกที่ทำไว้กับกรมศุลกากร

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า นายวิษณุได้ช่วยประสาน และหารือกับหน่วยงานต่างๆ ให้ช่วยเหลือการบินไทยตามสัญญาที่มีอยู่ก่อนซึ่งได้รับความร่วมมือกับทุกหน่วยงานเป็นอย่างดี ส่วนกรรมการหลายๆ ท่านก็ได้ให้คำแนะนำที่ดีในเรื่องของข้อพึงระวังในการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งทั้งความช่วยเหลือและคำแนะนำจากกรรมการและหน่วยงานต่างๆ ถือว่าเป็นการช่วยเหลือที่ถูกต้องในช่วงที่การบินไทยกำลังอ่อนแอ และการให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานรัฐแม้การบินไทยไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจแล้วก็เป็นสิ่งที่ยังสามารถทำได้

“เนื่องจากพฤตินัยแล้วการบินไทยเป็นของหน่วยงานรัฐมีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ มีกองทุนวายุภักษ์ และมีนักลงทุนที่เป็นคนไทยกว่า 80-90% ถือหุ้นอยู่ การช่วยเหลือการบินไทยให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ถือว่าเป็นการช่วยเหลือคนไทย มีประโยชน์ต่อเนื่องทางเศรษฐกิจอย่างมาก” นายชาญศิลป์กล่าว

นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนายการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะ 1 ใน 9 มินิบอร์ด กล่าวว่าสัญญาของบริษัทการบินไทยที่มีอยู่กับหน่วยงานภาครัฐมีทั้งสัญญาที่มีการทำไปแล้ว สัญญาที่มีการทำแล้วกำลังจะหมดลง และสัญญาที่ผูกพันไว้ในตอนที่บริษัทการบินไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ เช่น สัญญาที่ทำไว้กับกรมธนารักษ์ ได้มีการหารือกันว่าทั้งกว่า 95 สัญญานี้ในส่วนที่กำลังจะมีการหมดสัญญาให้ต่อสัญญาออกไปก่อน ส่วนที่ยังไม่หมดสัญญาได้ขอให้ไม่ใช้สิทธิ์เลิกสัญญา แม้ในเงื่อนไขเคยระบุว่าหากบริษัทการบินไทยผิดชำระหนี้แล้วจะสามารถยกเลิกสัญญาได้ก็ตาม รวมทั้งขอผ่อนผันเงื่อนไขบางส่วนของสัญญาเพื่อให้บริษัทการบินไทยเดินหน้ากิจการต่อไปได้ ซึ่งในส่วนนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับการยื่นรายชื่อคณะทำแผนฟื้นฟูในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ แต่จะช่วยให้การฟื้นฟูกิจการของการบินไทยกลับมาได้ตามแผน

ทั้งนี้ ส่วนที่ สคร.จะรับไปก็คือเรื่องของสัญญาบางส่วนที่เข้าแผนตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนรัฐวิสาหกิจ ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนและกระทบข้อกฎหมายอย่างไร สคร.จะเป็นตัวกลางในการไปเจรจาหารือในส่วนนี้ต่อไป